แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าการงานที่ได้ทำและค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้ออกทดรองแทนจำเลยไปสำหรับขนสินค้าไปส่งให้แก่ลูกค้าของจำเลยซึ่งอยู่ในต่างประเทศอันเป็นการเรียกค่าการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้นั้นเอง จึงอยู่ในข้อยกเว้นตามบทบัญญัติของ ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (1) ที่มีกำหนดอายุความสองปี แต่มีอายุความห้าปีตามมาตรา 193/33 (5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 595,823.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 518,107.40 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 595,823.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 518,107.40 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นสมควรวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในประการหลังที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เสียก่อน พิเคราะห์แล้วโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์โดยว่าจ้างโจทก์ให้จัดหาผู้รับขนส่งสินค้า (จัดหาเรือ) และดำเนินการด้านพิธีการศุลกากรให้แก่จำเลยเพื่อให้มีการขนส่งสินค้าตามฟ้องแล้วส่งมอบให้ผู้รับ ณ ประเทศเยอรมัน โดยจำเลยตกลงชำระค่าบริการและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์ซึ่งประกอบด้วยค่าบริการของโจทก์ในการดำเนินพิธีศุลกากรขาออก (ส่งออก) ค่าธรรมเนียมศุลกากรตามจำนวนที่โจทก์ทดรองจ่ายให้แก่จำเลย ค่าออกเอกสาร ค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเล ค่าธรรมเนียมท่าเรือ และค่าขนส่ง เมื่อจำเลยให้การต่อสู้เฉพาะประเด็นที่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความโดยมิได้ให้การถึงข้อเท็จจริง ดังกล่าว จึงถือว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแล้ว เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าการงานที่ได้ทำและค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้ออกทดรองแทนจำเลยไปสำหรับขนสินค้าไปส่งให้แก่ลูกค้าของจำเลยซึ่งอยู่ในต่างประเทศอันเป็นการเรียกค่าการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้นั้นเอง จึงอยู่ในข้อยกเว้นตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) ที่มีกำหนดอายุความสองปีแต่มีอายุความห้าปีตามมาตรา 193/33 (5) ดังนั้น แม้หากจะเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2541 วันที่ 24 ธันวาคม 2541 และวันที่ 10 ธันวาคม 2541 ตามที่จำเลยให้การยกเป็นข้อต่อสู้ แต่เมื่อโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องในวันที่ 2 เมษายน 2544 สิทธิเรียกร้องตามคำฟ้องโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว ปัญหาตามฎีกาของจำเลยในประการที่ว่า การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยได้ชำระหนี้ให้โจทก์ตามใบแจ้งหนี้แต่ละฉบับซึ่งมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงนั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องตามกันมาให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน