คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4701/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้ผู้ร้องชำระเงินมัดจำค่าที่ดินแก่จำเลย แต่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีแพ่งซึ่งผู้ร้องฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพราะเหตุเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นอีกคดีหนึ่งจะถึงที่สุด ศาลมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามขอ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 วรรคท้าย แต่คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวด้วย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยจึงมีสิทธิเข้าจัดการกับสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อผู้ร้องดังกล่าวได้ตามมาตรา 310 ทวิ ประกอบด้วยมาตรา 311 แม้ผู้ร้องจะได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งซึ่งมีมูลมาจากสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรายเดียวกัน และสามารถนำหนี้ทั้งสองคดีมาหักกลบลบกันได้ โจทก์ก็ยังมีสิทธิขอให้อายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยได้เพราะมาตรา 311 วรรคสาม บัญญัติว่า คำสั่งอายัดนั้น อาจออกให้ได้ไม่ว่าหนี้ของบุคคลภายนอกนั้นจะมีข้อโต้แย้งหรือมีข้อจำกัดหรือไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินมัดจำค่าที่ดินพร้อมดอกเบี้ยซึ่งนางสาวสุภา ธนวิภารัตน์ ผู้ร้องจะต้องชำระให้แก่จำเลยตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1565/2539 ของศาลจังหวัดมีนบุรี เพื่อนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้แก่โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดให้ตามขอแต่ผู้ร้องไม่ส่งเงินตามกำหนด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกผู้ร้องมาไต่สวนและบังคับให้ส่งเงินตามอายัด
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว วินิจฉัยว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1565/2539 ของศาลจังหวัดมีนบุรี ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจังหวัดมีนบุรีงดการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2910/2541 ของศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งจะถึงที่สุดและศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามที่ผู้ร้องขอ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งเพิกถอนหนังสืออายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 310 ทวิ และ 311 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1565/2539 ของศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้ผู้ร้องชำระเงินมัดจำค่าที่ดินพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย แต่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดมีนบุรีขอให้งดการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2910/2541 ของศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งผู้ร้องฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพราะเหตุเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นอีกคดีหนึ่งจะถึงที่สุด ศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งให้งดการบังคับไว้ตามขอ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า โจทก์ขอให้อายัดเงินมัดจำค่าที่ดินพร้อมดอกเบี้ยที่จำเลยมีสิทธิจะได้รับจากผู้ร้องตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1565/2539 ของศาลจังหวัดมีนบุรีได้หรือไม่ เห็นว่า แม้ศาลจังหวัดมีนบุรีจะมีคำสั่งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1565/2539 ให้งดการบังคับคดีไว้ตามคำขอของผู้ร้องและคำสั่งศาลจังหวัดมีนบุรีเป็นอันถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 วรรคท้าย ก็ตาม แต่คำสั่งดังกล่าวก็มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีนั้นเท่านั้น ไม่มีผลผูกพันโจทก์ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวด้วย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยจึงมีสิทธิเข้าจัดการกับสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อผู้ร้องดังกล่าวไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 310 ทวิ ประกอบด้วยมาตรา 311 โดยวิธีขอให้ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีออกคำสั่งอายัดไว้ แล้วแต่กรณี และแม้ผู้ร้องจะได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2910/2541 ของศาลจังหวัดมีนบุรี ซึ่งข้อพิพาทในคดีดังกล่าวและในคดีแพ่งหมายแดงที่ 1565/2539 จะมีมูลมาจากสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรายเดียวกัน และสามารถนำหนี้ทั้งสองคดีมาหักกลบลบกันได้ก็ตาม โจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกร้องของจำเลยดังกล่าวได้เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 311 วรรคสาม บัญญัติว่า คำสั่งอายัดนั้น อาจออกให้ได้ไม่ว่าหนี้ของบุคคลภายนอกนั้นจะมีข้อโต้แย้งหรือมีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขหรือว่าได้กำหนดจำนวนไว้แน่นอนหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share