แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้ยื่นคำขอยึดที่ดิน เจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจสอบแล้ว เชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างจึงทำการยึดให้และได้ดำเนินการครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ การยึดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงสมบูรณ์แล้ว เมื่อโจทก์ประสงค์จะถอนการยึดจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง การที่ทรัพย์ที่ยึดไม่ใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา เป็นข้อผิดพลาดที่เกิดจากการความผิดของโจทก์เองที่ไม่ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนที่จะนำยึด โจทก์จึงยกมาเป็นข้ออ้างให้พ้นความรับผิดในค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้เงินกู้ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 250,000 บาท นับแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2544 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี หลังจากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 30248 ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ตามคำขอของโจทก์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอถอนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าวเพราะชื่อและนามสกุลของผู้เป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวตรงกับชื่อและนามสกุลของจำเลยแต่ความจริงเป็นคนละคนกัน จึงขอถอนการยึดโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่า การยึดทรัพย์ดังกล่าวสมบูรณ์แล้วและแจ้งยืนยันให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ยื่นคำร้องว่า การยึดทรัพย์ที่ไม่ใช่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่แท้จริงเป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่มีอำนาจยึดมาตั้งแต่ต้นเป็นการยึดทรัพย์ที่ไม่ชอบ ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการยึดทรัพย์กับมีคำสั่งให้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า ก่อนนำยึดโจทก์ไม่ได้ตรวจสอบให้ได้ความชัดเจนเสียก่อนนำยึด ความผิดพลาดเกิดจากความบกพร่องของโจทก์เอง ดังนั้นโจทก์จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีกรณีที่ยึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีกรณียึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่ เห็นว่า โจทก์เป็นผู้ยื่นคำขอยึดที่ดินเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2548 พร้อมส่งสำเนาโฉนดที่ดินและเอกสารประกอบคำขอยึดทรัพย์โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจสอบแล้ว สารบัญจดทะเบียนมีชื่อและชื่อสกุลตรงกับจำเลย เชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างจึงทำการยึดให้และได้ดำเนินการครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ การยึดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงสมบูรณ์แล้ว เมื่อโจทก์ประสงค์จะถอนการยึดจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่โจทก์อุทธรณ์อ้างว่าทรัพย์ที่ยึดไม่ใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา การยึดทรัพย์ดังกล่าวจึงไม่ชอบมาแต่แรก โจทก์จึงไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น เห็นว่า ข้อผิดพลาดดังกล่าวเกิดจากการความผิดของโจทก์เองที่ไม่ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนที่จะนำยึด โจทก์จึงจะยกมาเป็นข้ออ้างให้พ้นความรับผิดในค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีหาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ขอถอนการยึดโดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ