คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ข้อตกลงระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ร่วมตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยในทันที แต่กลับมีเงื่อนไขให้จำเลยต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ร่วมจนครบถ้วนเสียก่อน โจทก์ร่วมจึงจะถอนคำร้องทุกข์ให้ แสดงว่าในระหว่างนั้นโจทก์ร่วมยังติดใจที่จะดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยอยู่ ข้อตกลงระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยดังกล่าวหามีผลเป็นการยอมความอันทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3584/2544 และ 3692/2544 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา บริษัทวรสวัสดิ์เท็กซ์ไทล์ จำกัด ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 (ที่ถูก มาตรา 4 (1) (3)) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 6 กระทง จำคุกกระทงละ 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 6 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน แต่ที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3584/2544 และ 3692/2544 ของศาลชั้นต้นนั้น เนื่องจากทั้งสองคดีดังกล่าวศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา คำขอส่วนนี้จึงให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกกระทงละ 1 เดือน รวม 6 กระทง จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ 12 มีนาคม 2545 มีผลเป็นการยอมความอันทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) หรือไม่ เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าว จำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยสามารถเจรจาตกลงกับโจทก์ร่วมได้แล้ว โดยจำเลยจะผ่อนชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ร่วมเป็นงวด งวดละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท รวม 30 งวด งวดละ 1 เดือน โดยผ่อนชำระงวดแรกภายในวันที่ 10 เมษายน 2545 และงวดต่อไปทุกวันที่ 10 ของเดือน ขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการพิพากษาคดีออกไปเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงกับโจทก์ร่วม และเมื่อจำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวครบถ้วนแล้ว โจทก์ร่วมจะได้ถอนคำร้องทุกข์ต่อไป ศาลชั้นต้นสอบโจทก์ร่วมแล้วโจทก์ร่วมแถลงว่าได้ทำความตกลงกันดังที่จำเลยแถลงจริง เห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ร่วมตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยในทันที แต่กลับมีเงื่อนไขให้จำเลยต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ร่วมจนครบถ้วนเสียก่อน โจทก์ร่วมจึงจะถอนคำร้องทุกข์ให้ แสดงว่าในระหว่างนั้นโจทก์ร่วมยังติดใจที่จะดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยอยู่ ข้อตกลงดังกล่าวหามีผลเป็นการยอมความอันทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ดังที่จำเลยฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share