คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4862/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้คดีนี้ผู้ร้องเริ่มคดีโดยยื่นคำร้องขอต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท แต่เมื่อผู้คัดค้านได้ยื่นคำค้านว่าที่พิพาทเป็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทในฐานะผู้อาศัยไม่ใช่เจ้าของ และไม่เคยเปลี่ยนเจตนาซึ่งเป็นการโต้เถียงว่าผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครอง กรณีจึงเป็นคดีมีข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามคำร้องขอของผู้ร้องและเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์ที่พิพาท เมื่อที่พิพาทมีราคาไม่เกิน 300,000 บาท คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงสุพรรณบุรีที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 (4) ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามมาตรา 18

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 1230 เฉพาะส่วนด้านทิศเหนือเนื้อที่ 2 งาน โดยการครอบครองตามกฎหมาย
ผู้คัดค้านยื่นคำค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1230 ผู้ร้องไม่ได้ครอบครองที่ดินโดยเจตนาเป็นเจ้าของและไม่เคยเปลี่ยนเจตนาตามกฎหมาย ขอให้ยกคำร้องขอ
ระหว่างพิจารณาศาลจังหวัดสุพรรณบุรีให้คู่ความตรวจสอบราคาประเมินที่ดินพิพาทเพื่อกำหนดค่าขึ้นศาล ต่อมาคู่ความแถลงร่วมกันว่าที่พิพาทมีราคา 30,000 บาท ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีเห็นว่า คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 300,000 บาท อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลชั้นต้น (ศาลแขวงสุพรรณบุรี) จึงมีคำสั่งให้โอนคดีไปยังศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเริ่มต้นคดีเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โดยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวง แม้ภายหลังจะมีผู้คัดค้านก็เป็นการคัดค้านว่าผู้ร้องเป็นเพียงผู้อาศัยไม่ได้แย่งการครอบครองหรือเปลี่ยนเจตนาการครอบครองประเด็นแห่งคดียังคงเช่นเดิมว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ คดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแขวง จึงไม่รับโอนคดี
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า แม้คดีนี้ผู้ร้องเริ่มคดีโดยยื่นคำร้องขอต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท แต่เมื่อผู้คัดค้านได้ยื่นคำคัดค้านว่าที่พิพาทเป็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทในฐานะผู้อาศัยไม่ใช่เจ้าของ และไม่เคยเปลี่ยนเจตนา ซึ่งเป็นการโต้เถียงว่าผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครอง กรณีจึงเป็นคดีมีข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามคำร้องขอของผู้ร้อง และเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์ที่พิพาท เมื่อที่พิพาทมีราคาไม่เกิน 300,000 บาท คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 17 ประกอบมาตรา 25 (4) ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 18 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับโอนคดีนี้จากศาลจังหวัดสุพรรณบุรีจึงเป็นการไม่ชอบ อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับโอนคดีนี้จากศาลจังหวัดสุพรรณบุรีไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป

Share