แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 123 ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า พนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 จ่ายเงินค่าจ้างเป็นเงิน 50,000 บาท แก่โจทก์ แล้วจำเลยทั้งสองไม่นำคดีไปสู่ศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานจึงเป็นที่สุด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 125 วรรคสอง บทบัญญัติดังกล่าวยังถือเป็นขั้นตอนและวิธีการนำคดีไปสู่ศาลตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 8 วรรคท้าย ดังนั้นจำเลยทั้งสองจึงจะดำเนินการใดในเรื่องเดียวกันนี้ในศาลแรงงานกลางอีกไม่ได้ ซึ่งรวมตลอดถึงการให้การต่อสู้คดี จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิให้การต่อสู้คดีว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้าง ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งสอง แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระแก่โจทก์ตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 10 ที่ 13/2546 โดยให้จำเลยทั้งสองจ่ายค่าจ้างจำนวน 50,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระจำนวน 50,000 บาท ตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 10 ที่ 13/2546 สั่ง ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2546 แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวร่วมกับจำเลยที่ 1
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า นางสาววรัญญา พนักงานตรวจแรงงาน ได้มีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 10 ที่ 13/2546 ให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท สั่ง ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2546 โดยได้ส่งคำสั่งทางไปรษณีย์ตอบรับเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2546 และจำเลยที่ 1 ได้รับคำสั่งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2546 แต่ไม่จ่ายเงินตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานแก่โจทก์ภายใน 15 วันนับแต่จำเลยที่ 1 ทราบคำสั่งและจำเลยที่ 1 ไม่ได้ฟ้องเพิกถอนคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่จำเลยที่ 1 ทราบคำสั่ง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งสองแล้วมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าจ้างค้างชำระจำนวน 50,000 บาท ตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 10 ที่ 13/2546 โดยไม่ให้โอกาสจำเลยทั้งสองนำพยานบุคคลและพยานเอกสารเข้าสืบ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 และมาตรา 183 วรรคสอง และพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 นั้น เห็นว่า คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างได้ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 123 และพนักงานตรวจแรงงาน กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 10 มีคำสั่งที่ 13/2546 ให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่โจทก์จำนวน 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 124 ซึ่งตามมาตรา 125 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งตามมาตรา 124 แล้ว ถ้านายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่พอใจคำสั่งนั้น ให้นำคดีไปสู่ศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง” และวรรคสองบัญญัติว่า “ในกรณีที่นายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่นำคดีไปสู่ศาลภายในกำหนด ให้คำสั่งนั้นเป็นที่สุด” เมื่อปรากฏตามที่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า นางสาววรัญญาพนักงานตรวจแรงงาน ได้มีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 10 ที่ 13/2546 ให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการผู้มีอำนาจและเป็นนายจ้างของโจทก์จ่ายเงินค่าจ้างเป็นเงิน 50,000 บาท แก่โจทก์ แล้วจำเลยทั้งสองไม่นำคดีไปสู่ศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง คำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 10 ที่ 13/2546 จึงเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 125 วรรคสอง บทบัญญัติดังกล่าวยังถือเป็นขั้นตอนและวิธีการนำคดีไปสู่ศาลตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 8 วรรคท้าย ดังนั้นจำเลยทั้งสองจึงจะดำเนินการใดในเรื่องเดียวกันนี้ในศาลแรงงานกลางอีกไม่ได้ ซึ่งรวมตลอดถึงการให้การต่อสู้คดี จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิให้การต่อสู้คดีว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้าง
ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งสอง แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าจ้างชำระแก่โจทก์ตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน กลุ่มงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพื้นที่ 10 ที่ 13/2546 จึงชอบแล้ว อุทธรณ์จำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน