คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5826/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ประกอบกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้ามีสัญญากับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันวินาศภัยที่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือซ่อมรถยนต์ของผู้เอาประกันวินาศภัยกับจำเลยซึ่งเป็นธุรกิจการค้าของจำเลย การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าจ้างซ่อมรถยนต์ของเหล่าผู้เอาประกันวินาศภัยกับจำเลยจึงเป็นการเรียกเอาค่าจ้างหรือค่าแห่งการงานที่ได้ทำเพื่อกิจการของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (5) ประกอบกับมาตรา 193/34 (1) มีอายุความ 5 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ให้เป็นผู้ซ่อมรถยนต์ของลูกค้าที่ทำประกันวินาศภัยไว้กับจำเลย ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องซ่อมแซมให้ โจทก์ได้ทำการซ่อมแซมและส่งมอบรถยนต์ให้แก่ลูกค้าของจำเลยแล้ว แต่จำเลยค้างชำระค่าจ้างแก่โจทก์ 1,873,750 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 1,873,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วเพราะไม่ได้ฟ้องคดีภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ได้ซ่อมรถยนต์เสร็จ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 969,300 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 8,500 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,872,150 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าตั้งแต่ปี 2539 จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ซ่อมรถยนต์ของลูกค้าของจำเลยที่ทำประกันวินาศภัยไว้กับจำเลย เมื่อโจทก์ได้รับมอบรถยนต์ของลูกค้าและซ่อมเสร็จแล้วส่งมอบคืนแก่ลูกค้าของจำเลยแล้วก็จะเรียกเก็บเงินจากจำเลยเป็นคราวๆ ไป จำเลยก็ชำระเงินค่าจ้างแก่โจทก์เรื่อยมา ครั้งสุดท้ายโจทก์ซ่อมรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 6 ผ – 6325 และมอบคืนแก่ลูกค้าของโจทก์แล้วปรากฎว่าจำเลยยังไม่ชำระเงินค่าซ่อมแก่โจทก์รวมทั้งสิ้น 1,872,150 บาท ตามใบเสร็จรับเงิน บัญชีแสดงรายการค้างชำระค่าซ่อมรถและใบแจ้งราคา เอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.5 คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามที่จำเลยฎีกาเพียงว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ประกอบกิจการอู่ซ่อมรถยนต์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้ามีสัญญากับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันวินาศภัยที่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือซ่อมรถยนต์ของผู้เอาประกันวินาศภัยกับจำเลยซึ่งเป็นธุรกิจการค้าของจำเลย การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าเรียกเอาค่าจ้างซ่อมรถยนต์ของเหล่าผู้เอาประกันวินาศภัยกับจำเลยตามรายละเอียดเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.5 จากจำเลย จึงเป็นการเรียกเอาค่าจ้างหรือค่าแห่งการงานที่ได้ทำเพื่อกิจการของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (5) ประกอบกับมาตรา 193/34 (1) เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างดังกล่าวทุกรายการในเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.5 ล้วนแต่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมานับถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 5 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืนให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 15,000 บาทแทนโจทก์.

Share