คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน โดยจำเลยไม่ได้สมัครใจวิวาทด้วย การที่จำเลยแทงผู้ตายเนื่องจากถูกผู้ตายใช้ขวดเปล่าขว้างถูกหน้าผากจำเลยและใช้ไม้ไผ่ตันตีทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวได้และที่ผู้ตายถูกจำเลยใช้มีดแทงถึง 3 แห่ง ที่หน้าอกซ้าย หน้าอกขวาและต้นขาซ้ายนั้นเกิดจากการชุลมุนกอดรัดกันขณะจำเลยถูกทำร้ายล้มลงแล้ว จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้ตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288จำเลยให้การรับว่าใช้มีดแทงผู้ตายจริง แต่กระทำไปเพื่อป้องกันตัวศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 68, 69 ให้จำคุกจำเลยไว้ 2 ปี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหามีว่าจำเลยแทงผู้ตายโดยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความของนายสมพร ช้างเจริญประจักษ์พยานโจทก์ว่าผู้ตายชอบดื่มสุราและมักจะวิวาทกับชาวบ้านวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 13.30 นาฬิกา นายสมพรกับผู้ตายนั่งดื่มสุราอยู่ที่บ้านนางยิ้มริมคลองฝั่งตรงข้ามกับบ้านนางสายเตียงที่จำเลยกำลังมุงหลังคาอยู่ ผู้ตายออกไปตะโกนเรียกจำเลยให้ข้ามมาหาจำเลยลงจากหลังคาบ้านนางสายเตียงเดินข้ามสะพานข้ามคลองมาหาผู้ตาย ผู้ตายส่งแก้วสุราให้จำเลยแล้วถามจำเลยว่าเรียกตั้งนานทำไมไม่มา จำเลยตอบว่ากำลังมุงหลังคาอยู่มาไม่ได้และไม่ยอมดื่มสุราขณะจำเลยจะหันหลังกลับผู้ตายหยิบขวดเปล่าจากใต้พื้นแคร่ขว้างไปถูกบริเวณหน้าผากจำเลย จำเลยล้มลงกับพื้น จากนั้นผู้ตายได้ฉวยไม้ไผ่ตันเข้าไปหาจำเลยแล้วเกิดกอดปล้ำชกต่อยกันจนกระทั่งจำเลยใช้มีดปลายแหลมใบมีดยาว 1 คืบและด้ามยาว 1 คืบ ใบมีดกว้างประมาณ1 นิ้ว ที่นำติดตัวมาแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน โดยจำเลยซึ่งมิได้ดื่มสุราไม่ได้สมัครใจวิวาทด้วย การที่จำเลยแทงผู้ตายเนื่องจากถูกผู้ตายใช้ขวดเปล่าขว้างถูกหน้าผากจำเลยและใช้ไม้ไผ่ตัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโตขนาดเหรียญบาท ยาว 1 ศอกเศษ ตีทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวได้ การที่ผู้ตายถูกจำเลยใช้มีดซึ่งจำเลยใช้ทำงานแทงถึง 3 แห่ง คือที่หน้าอกซ้าย หน้าอกขวาและต้นขาซ้ายนั้น เกิดจากการชุลมุนกอดรัดกันขณะจำเลยถูกทำร้ายล้มลงแล้ว จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้ตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ”
พิพากษายืน

Share