แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นเจ้าของดิน เมื่อจำเลยขุดเอาดินไปโดยไม่มีสิทธิ โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยนำดินที่ขุดไปนั้นคืนมาหรือขอให้จำเลยชดใช้ราคาได้ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขุดดินของโจทก์ไปขายให้แก่บุคคลอื่นแล้ว โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ราคาดินดังกล่าวแก่โจทก์ได้ เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 มิใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา 448
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1717 เนื้อที่ 5 ไร่ 1 งาน 52 ตารางวา ที่ดินดังกล่าวทางทิศใต้อยู่ติดกับที่ดินของจำเลยโดยมีคันนาและต้นไม้คั่นเป็นแนวเขต ระหว่างวันที่ 6 มิถุนายน 2539 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2539 จำเลยกับพวกร่วมกันเข้าไปขุดเอาดินของโจทก์ทางทิศใต้บริเวณแนวเขตติดต่อกว้าง 3 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร ลึกประมาณ 4 เมตร เป็นเนื้อดินประมาณ 600 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงิน 24,000 บาท และนำดินดังกล่าวไปขายให้แก่บุคคลอื่นทำให้โจทก์ไม่สามารถทำการเกษตรในที่ดินส่วนดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2539 ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 4 ปี 7 เดือน 10 วัน โจทก์คิดค่าเสียหายเพราะการขาดประโยชน์เป็นเงิน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 45,000 บาท จำเลยต้องชำระค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คิดดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 18,675 บาท ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 72,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชดใช้ค่าขาดประโยชน์ปีละ 6,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะสามารถทำการเกษตรได้
จำเลยให้การว่า จำเลยขุดดินในที่ดินของจำเลยเพื่อทำเป็นบ่อเลี้ยงปลามิได้ขุดดินในที่ดินของโจทก์และไม่ได้นำดินของโจทก์ไปขาย หากฟังว่าจำเลยขุดดินในที่ดินของโจทก์ คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยขอสละประเด็นตามข้อต่อสู้ข้ออื่นและแถลงรับข้อเท็จจริงว่าดินที่จำเลยขุดไปเป็นดินของโจทก์และโจทก์เสียหายตามฟ้องจริง โจทก์และจำเลยท้ากันโดยขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเรื่องอายุความเพียงข้อเดียว หากศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความโจทก์ยอมแพ้ หากศาลวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความจำเลยยอมแพ้ ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2545
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ในส่วนที่เรียกให้จำเลยใช้ราคาเนื้อดินที่จำเลยขุดเอาไปเป็นเนื้อดินประมาณ 600 ลูกบาศก์เมตร เป็นเงิน 24,000 บาท ไม่ขาดอายุความ สำหรับฟ้องในส่วนที่ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ในที่ดินที่จำเลยขุดไปเป็นการเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิด ขาดอายุความแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 24,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 มกราคม 2544) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์ในส่วนที่เรียกราคาดินที่จำเลยขุดไปขายจำนวน 24,000 บาท ขาดอายุความหรือไม่ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าดินที่จำเลยขุดไปจากที่ดินของโจทก์ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนจากจำเลย คำฟ้องของโจทก์เป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดมีอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ศาลชั้นต้นจะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 มาใช้บังคับไม่ได้นั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ซึ่งศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงว่า ระหว่างวันที่ 6 มิถุนายน 2539 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2539 จำเลยได้ขุดเอาดินไปจากที่ดินของโจทก์เป็นเนื้อดินประมาณ 600 ลูกบาศก์เมตร เป็นเงิน 24,000 บาท ศาลฎีกาเห็นว่า ดินที่จำเลยขุดไปเป็นทรัพย์สินของโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะขุดดินไปจากที่ดินของโจทก์ เมื่อจำเลยขุดเอาดินของโจทก์ไปโจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยนำดินที่ขุดไปนั้นคืนมาหรือขอให้จำเลยชดใช้ราคาได้ ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายไว้ชัดแจ้งว่าจำเลยขุดดินของโจทก์ไปขายให้แก่บุคคลอื่นแล้ว โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ราคาดินดังกล่าวแก่โจทก์ได้ เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิที่จะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 มิใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ดังที่จำเลยอ้าง ทั้งการฟ้องคดีเพื่อใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนดังกล่าวนั้น โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของมีสิทธิติดตามได้เสมอเว้นแต่กรณีจะต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และ 1383 โจทก์จึงจะหมดสิทธิติดตามเอาคืน ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความและพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาดินแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ