คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 389/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ทราบเรื่องสหกรณ์ออมทรัพย์จำเลยมีมติให้โจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลยตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2541 แสดงว่าโจทก์ได้รู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันดังกล่าวมิใช่ถือเอาวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากจำเลยเป็นวันที่โจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากโจทก์เป็นผู้เสียหายที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลได้เอง โดยไม่จำต้องรอฟังคำสั่งจากจำเลย แม้โจทก์จะเพิ่งได้รับหนังสือแจ้งให้ทราบถึงมติของจำเลยในวันที่ 21 มกราคม 2541 ก็ไม่มีผลต่อการเพิ่งเริ่มนับอายุความ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นสมาชิกของจำเลยเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2540 จำเลยโดยคณะกรรมการดำเนินการลงมติให้โจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลย โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ ต่อมาวันที่ 11 มกราคม 2541 ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้โจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 200,000 บาท ในวันดังกล่าวจำเลยนำหุ้นจำนวน 109,930 บาท เงินปันผลจำนวน 13,445.08 บาท และเงินเฉลี่ยคืนจำนวน 3,141.49 บาท ของโจทก์รวมเป็นเงิน 126,516.57 บาท ไปชำระหนี้เงินกู้สามัญของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 126,516.57 บาท นับแต่วันที่ 12 มกราคม 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ เมื่อคิดถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย 19,497 บาท ขอให้มีคำสั่งว่า มติของจำเลยโดยคณะกรรมการดำเนินการเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2540 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้จำเลยรับโจทก์เป็นสมาชิกของจำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 346,013.57 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 126,516.57 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ทราบมติที่ประชุมใหญ่ที่ให้โจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลยเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2541 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2542 จึงพ้นกำหนดหนึ่งปี คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 7,500 บาท แทนจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เสียก่อนว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเพิ่งมีหนังสือลงวันที่ 21 มกราคม 2541 แจ้งให้โจทก์ทราบถึงมติที่ประชุมใหญ่ เรื่องให้โจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลยและโจทก์เพิ่งทราบถึงมติที่ประชุมใหญ่ในวันนั้นเอง อายุความในมูลละเมิดจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าว ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนแล้วว่า โจทก์ทราบเรื่องจำเลยมีมติให้โจทก์ออกจากการเป็นสมาชิกของจำเลยตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2541 แสดงว่าโจทก์ได้รู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันดังกล่าว หาใช่ถือเอาวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากจำเลย เป็นวันที่โจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากโจทก์เป็นผู้เสียหายที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลได้เอง โดยไม่จำต้องรอฟังคำสั่งจากจำเลย ดังนั้น แม้โจทก์จะเพิ่งได้รับหนังสือแจ้งให้ทราบถึงมติของจำเลยในวันที่ 21 มกราคม 2541 ก็ไม่มีผลต่อการเริ่มนับอายุความ เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่ง แล้ว ไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นอีกต่อไปศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share