คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6926/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 โดยที่จำเลยที่ 1 และ พ. ทราบอยู่แล้วว่าโจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 และชำระราคาที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 12 จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต การที่โจทก์ได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 และได้ครอบครองกับชำระราคาที่ดินครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 และมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ หากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการเจตนา
จำเลยทั้งสิบสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสิบสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 จำเลยที่ 4 ถึงแก่กรรม จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 เฉพาะเนื้อที่ 1 ใน 11 ส่วนของจำเลยที่ 2 และให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 แก้ไขโฉนดใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของรวมด้วยในที่ดินแปลงหนี้ตามส่วนดังกล่าว ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา โดยในส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 โดยที่จำเลยที่ 1 และนายพงษ์ศักดิ์ทราบอยู่แล้วว่าโจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 และชำระราคาที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 และที่ 12 ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 12 จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต การที่โจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 10655 ตำบลเมืองพล อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น จากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 และได้ครอบครองกับชำระราคาค่าที่ดินครบถ้วนแล้ว เหตุที่ยังไม่ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เนื่องจากอยู่ระหว่างรอการรังวัดแบ่งแยกที่ดินส่วนที่ซื้อขายกันออกมาเท่านั้น โจทก์จึงอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินดังกล่าวระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 ได้ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 จดทะเบียนการซื้อขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ หากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 12 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share