คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7714/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปแจ้งดาบตำรวจ ส. ผู้ล่อซื้อให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ส่งมอบเมทแอมเฟตามีน และจำเลยที่ 3 ได้แนะนำว่าจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนค้ายาเสพติดด้วย แต่ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจาตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับสายลับและดาบตำรวจ ส. แต่อย่างใด กลับได้ความจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 กับพวก ได้มาหาจำเลยที่ 1 เพื่อว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 คอยดูต้นทางบริเวณที่เกิดเหตุว่ามีตำรวจมาหรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 ได้ค่าจ้าง 100 บาท การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นเพียงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นความผิดฐานผู้สนับสนุนเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 102 ป.อ. มาตรา 83 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง ประกอบ ป.อ. มาตรา 80, 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสี่ ฐานร่วมกันพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยทั้งสี่ตลอดชีวิต จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 52 (1), (ที่ถูกต้องระบุมาตรา 53 ด้วย), 78 กระทงละหนึ่งในสาม คงลงโทษจำคุกกระทงแรกคนละตลอดชีวิต กระทงที่สองจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน เมื่อศาลกำหนดโทษจำคุกตลอดชีวิตในกระทงแรกแล้วไม่อาจนำโทษกระทงที่สองรวมได้อีก จึงคงจำคุกจำเลยทั้งสี่ตลอดชีวิต ริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ตลอดชีวิต ลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบ มาตรา 53 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุที่โจทก์ฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสี่กับพวกและยึดได้เมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 10,000 เม็ด หนัก 890.060 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 153.535 กรัม เป็นของกลาง คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสี่ว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ที่ไปติดต่อเจรจาเสนอขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับและเจ้าพนักงานตำรวจ รวมทั้งเป็นผู้ตกลงนัดหมายวันเวลาและสถานที่ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนที่ตกลงซื้อขายกัน วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยังได้เป็นคนแนะนำชายอีกคนหนึ่งต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้ล่อซื้อว่าเป็นหุ้นส่วนที่ค้ายาเสพติดด้วยกัน ชายคนดังกล่าวก็ได้ขอตรวจดูเงินที่ใช้ล่อซื้อด้วย พร้อมกับแจ้งว่าจะขับรถไปเอาเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบให้ ส่วนจำเลยที่ 4 นี้ก็ได้ไปที่สถานที่เกิดเหตุ ขอดูเงินที่ใช้ล่อซื้อ ร่วมเจรจาขอเปลี่ยนสถานที่ส่งมอบเมทแอมเฟตามีน หลังจากนั้นยังได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 พาสายลับและเจ้าพนักงานตำรวจไปเอาเมทแอมเฟตามีน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีส่วนรู้เห็นและมีอำนาจในการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามนี้ได้ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ฟังไม่ขึ้น
สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของโจทก์คงได้ความแต่เพียงว่า วันเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปแจ้งแก่ดาบตำรวจสมพรให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น แม้ดาบตำรวจสมพรจะเบิกความว่าจำเลยที่ 3 เป็นคนแนะนำว่าจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนที่ค้ายาเสพติดด้วย แต่ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจาตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับสายลับและดาบตำรวจสมพรแต่อย่างใด กลับได้ความจากคำให้การของจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวนซึ่งมีรายละเอียดของข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 กับพวกได้มาหาจำเลยที่ 1 เพื่อว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 คอยดูต้นทางบริเวณที่เกิดเหตุว่ามีตำรวจมาหรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 ได้ค่าจ้าง 100 บาท ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวจึงยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 หากแต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวมาเป็นเพียงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86 เท่านั้น แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 กระทำความผิด แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประกอบด้วย ป.อ. มาตรา 80, 83 และ 86 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ประกอบมาตรา 53 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5.

Share