คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาของโจทก์ที่ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ เมื่อจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเกินกว่าราคาทรัพย์ที่จำเลยเอาไปจากผู้เสียหาย และผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 33, 80, 288, 289 (4) (6) (7) ริบของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงินจำนวน 13,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้าง แล้วจำเลยขอถอนคำให้การเดิม และให้การรับสารภาพในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) (6) (7) ประกอบมาตรา 80, 52 (1) จำคุกตลอดชีวิต ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี ริบของกลาง ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงินจำนวน 13,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี ข้อหาอื่นให้ยก และให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงินจำนวน 13,000 บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… ที่โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหายนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 100,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งเกินกว่าราคาทรัพย์ที่จำเลยเอาไปจากผู้เสียหาย และผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายอีก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำขอของโจทก์ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน.

Share