แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับสามีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ก. ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้บริษัท น. บริษัท น. ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้าน ก. แต่ได้หักหนี้ที่ร้าน ก. เป็นหนี้บริษัท น. อยู่ ดังนี้ จำเลยมิได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัท น.ไว้แทนผู้เสียหายเลย จำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒ ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน ๓๕,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒ ลงโทษจำคุก ๖ เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน๓๕,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า ร้านกรุงธนกลการซึ่งเป็นร้านของจำเลยและนายนเรศวร์บุตรท้วมสามีจำเลย ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายคันพิพาทไปขายให้บริษัทนอร์ทเทอร์นซับพลาย จำกัด ในราคา ๓๕,๐๐๐ บาท ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวหรือไม่เห็นว่า กรณีจะเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒วรรคแรก จะต้องได้ความว่าจำเลยได้ครอบครองเงินจำนวนดังกล่าวของผู้เสียหายไว้แล้วทุจริตเบียดบังเอาเงินนั้น คดีนี้ ปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์เอง โดยนายวิทยา สุขเมืองมา หุ้นส่วนผู้จัดการห้างผู้เสียหายและนางทวีวัฒน์ วานิชสุขสมบัติ ผู้จัดการบริษัทนอร์ทเทอร์นซับพลาย จำกัด พยานโจทก์เบิกความว่า บริษัทนอร์ทเทอร์นซับพลาย จำกัด ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้านกรุงธนกลการแต่ได้หักหนี้ที่ร้านกรุงธนกลการเป็นหนี้บริษัทดังกล่าวอยู่ แสดงว่าจำเลยไม่เคยได้รับเงินค่ารถยนต์จำนวน ๓๕,๐๐๐ บาท จากบริษัทนอร์ทเทอร์นซับพลาย จำกัด ไว้แทนผู้เสียหายเลย จำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้ กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องใช้สิทธิเรียกร้องเอาเงินค่ารถยนต์จากจำเลยในทางแพ่ง การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหายหาเป็นความผิดอาญาฐานยักยอกทรัพย์ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.