คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกไปที่บ้านผู้เสียหายเนื่องจากต้องการพบ ม. แล้วได้พากันขึ้นไปบนชั้นที่สองของบ้านผู้เสียหายโดยบุตรของ ผู้เสียหายซึ่งอยู่อาศัยในบ้านนั้นด้วยไม่ยินยอมและห้ามปรามแล้ว การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา ๓๖๕ ประกอบ มาตรา ๓๖๔, ๘๓.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกขึ้นไปบริเวณชั้นสอง ของบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายและนายศักดิ์ชัยกับ พวกโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันสมควรและจำเลยกับพวก ไม่ยอมออกไปจากชั้นสองของบ้าน เมื่อนายศักดิ์ชัยได้ห้ามไม่ให้ขึ้นไป และได้ไล่ให้ออกไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๖๔, ๓๖๕
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๔, ๓๖๕, ๘๓ (ที่ถูกเป็นมาตรา ๓๖๕ ประกอบมาตรา ๓๖๔, ๘๓) ให้จำคุก ๒ ปี และปรับ ๒,๐๐๐ บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ ๑ ปี ให้ ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองกับพลตำรวจจิรโรจน์ ได้ไปที่บ้านนายเจือผู้เสียหายเนื่องจากต้องการพบนางมุกดา และได้พบ กับนายศักดิ์ชัยบุตรผู้เสียหาย จำเลยที่ ๑ กับพลตำรวจจิรโรจน์ได้ ขึ้นไปบนชั้นที่สองและที่สามของบ้านผู้เสียหายเพื่อค้นหานางมุกดา โดยนายศักดิ์ชัยไม่ยินยอมและห้ามปรามแล้ว การกระทำของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับจำเลยที่ ๑ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share