แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดาลงชื่อของตนเองเป็นผู้รับจำนองโดยไม่ปรากฎในกรมธรรม์สัญญาจำนองนั้นว่ารับจำนองแทนบุตร์ เมื่อมารดาถูกเจ้าหนี้ยึดทรัพย์สินบุตร์จะมาร้องขัดทรัพย์ว่ามารดารับจำนองแทนตนนั้นไม่ได้ฟ้องถูกปิดปาก มารดากับบุตร์ลงชื่อในสัญญาแบ่งมฤดกระวางผู้รับมฤดก+ทรัพย์สิ่ง 1 เป็นของมารดา+บุตร์คนละครึ่ง เมื่อเจ้าหนี้ของมารดายึดทรัพย์รายนี้บุตร์จะร้องขัดทรัพย์+ทรัพย์นั้นเป็นของตนผู้เดียวไม่ได้ ต้องถูกปิดปาก อ้างฎีกาที่ 815/2476
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ชนะความจำเลย โจทก์จึงนำยึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อชำระหนี้ ก.ภรรยาจำเลยซึ่งเป็นมารดาผู้ปกครอง ฉ.ผู้เยาว์ร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ที่ยึดถือแพ ๑ หลังเป็นทรัพย์ของ ฉ.กับโฉนดที่ดินที่ ๔๖๖๕ ซึ่งมีชื่อตนเป็นผู้รับจำนองนั้น ตนเอาเงินของ ฉ.บุตรีไปรับจำนอง
ศาลเดิมสั่งงดสืบพะยานบุคคลแลมีคำสั่งว่าแพรายพิพาทเป็นกรรมสิทธิของ ก. แลของฉ.คนละครึ่ง แลสัญญาจำนองนั้นเป็นทรัพย์ของก.ผู้เดียว ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่าในกรมธรรม์สัญญาปรากฎว่าลงชื่อ ก.เป็นผู้รับจำนอง มิได้มีข้อความแสดงไว้เลยว่า ก.รับจำนองแทน ฉ.บุตรี ในเบื้องต้นต้องถือว่าก.ผู้รับจำนองเป็นการส่วนตัว แลเมื่อ ฉ.อ้างว่า ก.มารดารับจำนองแทนตน ฉ. ก็ต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในการที่ใส่ชื่อ ก.เป็นผู้รับจำนองในสัญญากรมธรรม์ แลย่อมต้องถูกปิดปากมิให้เถียงโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้หลงเข้าใจผิดว่าความจริงผู้ร้องเป็นตัวแทน
ส่วนแพรายพิพาทซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเป็นของ ฉ.ผู้เดียวนั้น เห็นว่าในสัญญาแบ่งมฤดกของบิดา ฉ.ได้ลงชื่อก. แล ฉ.ด้วยกันทั้ง ๒ คน โจทก์ก็หลงเข้าใจผิดว่าความจริงเป็นดังที่ปรากฎในสัญญาแบ่งมฤดก ฉะนั้นจึงเป็นการปิดปากผู้ร้อง จึงคงพิพากษายืน