คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2466

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดิน,สัญญาซื้อขาย, ผิดสัญญา เมื่อไรขอให้เลิกสัญญาได้ ไม่ได้

ย่อยาว

โจทย์จำเลยซื้อขายที่ดินกันแปลงหนึ่ง ตกลงกันว่ามีเนื้อที่ ๑๑ ไร่เศษ ให้เงินทองโอนกันเสร็จแล้ว ยังแต่จะมอบที่ดินให้ ภายหลังผู้ซื้อนำเจ้าพนักงานไปวัดสอบเขตรได้ที่ดินไม่เต็มตามสัญญาซื้อขาย ขาดไปประมาณไร่เศษ โจทย์จึงฟ้องขอเลิกสัญญาแลขอเงินคืน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้บอกขายโจทย์ผิดไปโดยเข้าใจผิดโดยสุจริต ศาลแพ่งแลศาลอุทธรณ์ตัดสินว่า เนื้อที่ ๆ ขาดไปนั้นเปนส่วนมาก เปนข้อสำคัญแห่งสัญญาซื้อขายรายนี้ จึงพิพากษาว่าโจทย์มีสิทธิขอเลิกได้ จึงให้คืนเงินที่รับไปกับค่าเสียหายแลดอกเบี้ยอีกร้อยละ ๗๑/๒
ฎีกาตัดสินว่า การที่จำเลยมอบที่ดินให้โจทย์ไม่ครบถ้วนตามสัญญา นับว่าจำเลยเปนผู้ผิดสัญญาโจทย์มีอำนาจฟ้องได้ แต่ข้อที่จะให้จำเลยเลิกสัญญาซื้อขายรายนี้ หรือจะให้จำเลยใช้ค่าเสียหายนั้น ก็ต้องดูความประสงค์ของโจทย์จำเลย ได้ความว่าโจทย์จะซื้อที่รายนี้สำหรับไปเที่ยวเล่น ฝ่ายจำเลยก็สัญญาจะขายที่รายนี้ให้โจทย์ราคาไร่ละ ๔๕๐ บาท จำนวนที่ดิน ๑๑ ไร่เศษ ไม่เกิน ๑๒ ไร่ เมื่อไปวัดที่ของจำเลยมีเหลือเพียง ๑๐ ไร่ ๒ งาน ถ้าคิดตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินในจำนวน ๑๑ ไร่ คงขาดไป ๒ งาน ศาลฎีกาเห็นว่าคำที่จำเลยกล่าวในสัญญาว่าจะขายที่ดินจำนวน ๑๑ ไร่เศษ ไม่เกิน ๑๒ ไร่นั้น ไม่แน่ว่ามีเศษงานเศษวาเท่าไร ถ้ามีเศษงานเศษวายิ่งหย่อนจาก ๑๑ ไร่เท่าใด คงคิดราคาตามเศษที่ยิ่งแลหย่อน ไม่เปนข้อสำคัญแห่งสัญญาว่า ถ้าแม้มีเศษงานเศษวาหย่อนจากจำนวน ๑๑ ไร่ โจทย์จะไม่ซื้อ เพราะมีความประสงค์ก็เพียงแต่จะซื้อที่ดินไว้สำหรับไปเที่ยวเล่นเท่านั้น จำเลยก็มีที่ดินขายให้โจทย์เพียงพอแล้ว ใช่แต่เท่านั้นเมื่อโจทย์รู้ว่าเนื้อที่ดินขาดไปไม่เต็มตามโฉนดที่จำเลยขายให้โจทย์ โจทย์ยังให้คนไปขอเงินราคาที่ดินที่ขาดไป ๑ ไร่ ๘๐ วานั้น คือ แสดงให้เห็นว่าโจทย์ไม่มีความประสงค์จะถือว่าเนื้อที่ดินที่ขาดไปจากจำนวน ๑๑ ไร่ เปนข้อสำคัญที่จะเลิกสัญญาซื้อขายที่รายนี้ จึงเห็นว่า คดียังไม่เปนเหตุจะบังคับให้เลิกสัญญา ให้จำเลยคืนเงินที่ขาดไปกับค่าเสียหายก็พอแล้ว จึงบังคับให้คืนราคาที่ ๑ ไร่ ๘๐ วาเปนเงิน ๕๔๐ บาท กับค่าเสียหายอีก ๑๐๐ บาทให้โจทย์

Share