คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2465

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประทุษฐร้ายส่วนแพ่ง เอเยนต์ วิธีพิจารณาแพ่ง ยึดทรัพย์โดยไม่มีอำนาจ เอเยนต์ฉ้อนาย ฎีกาอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทย์เปนเจ้าของแพไม้ ซึ่งให้ ย. ผู้เปนเอเยนต์ของโจทย์ที่ปากน้ำโพได้รับคำสั่งให้ล่องลงมาให้โจทย์ที่กรุงเทพฯ ในขณะที่ล่องไม้มากลางทาง ย.ได้ทำสัญญาจะขายไม้ของโจทย์ให้แก่ ภ. ฝ่าย ภ.ได้ทำหนังสือสัญญา แสดงว่าได้กู้เงินไปจากจำเลย ๑๐๐๐๐ บาท แลเอาไม้ที่ตนซื้อจาก ย.เป็นประกันเงินกู้นี้ ต่อมา ภ.ไม่ใช้เงิน จำเลยจึงยึดไม้ของโจทย์ แลในที่สุดศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำเลยชนะคดีที่ฟ้อง ภ. เรื่องณี่สินนั้น บัดนี้โจทย์ฟ้องขอเรียกค่าเสียหาย โดยอ้างว่าจำเลยยึดไม้ของโจทย์ไว้ โดยไม่มีอำนาจ ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์เห็นว่าสัญญาระหว่าง ย. (ตัวแทนโจทย์) กับ ภ. ก็ดี และสัญญากู้ระหว่าง ภ. กับจำเลยก็ดี เปนสัญญาอันไม่บริสุทธิ์ ได้กระทำขึ้นเพื่อฉ้อโกงโจทย์เท่านั้น จำเลยไม่มีอำนาจยึดแพไม้ของโจทย์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทย์ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาตัดสินว่า ข้อที่จำเลยยกขึ้นกล่าวว่า ย. เปนเอเยนต์ทั่วไปมีอำนาจทำสัญญากับ ภ. แทนโจทย์ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะปรากฎว่า ย. กับ ภ. ได้สมคบกันทำสัญญานั้น เพื่อฉ้อโกงโจทย์ แลว่าคำพิพากษาฎีกาฉบับก่อนซึ่งได้วินิจฉัยในชั้นนั้นว่า สัญญากู้ยืมระหว่างจำเลยกับ ภ. เป็นสัญญาดีนั้น ไม่ขัดกับข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งพึ่งปรากฎว่า จำเลยกับ ภ. ได้สมคบกันทำสัญญานั้นขึ้นเพื่อฉ้อโกงโจทย์
คดีแพ่ง โจทย์ฟ้องตั้งทุนทรัพย์เรียกค่าเสียหายไม่เกิน ๒๐๐๐ บาท ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์ตัดสินให้โจทย์ชนะ จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงโดยยอมเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาให้มากกว่าในจำนวนทุนทรัพย์ ๒๐๐๐ บาทนั้นไม่ได้

Share