คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทย์ฟ้องกล่าวโทษจำเลยว่า เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวัน จำเลยสมคบกันลักกระบือของนายเคนไป ๑ ตัวราคา ๔๐ บาท ซึ่งปล่อยเลี้ยงอยู่ที่ตำบลสร้อยพร้าว จังหวัดอุดรธานี ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๕ เดือนเดียวกันนั้นจำเลยได้เรียกเอาเงินค่าไถ่กระบือไปจากนายเคน ๑๒ บาท แล้วจำเลยจึงได้นำกระบือมาคืนให้แก่นายเคน ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๔๙-๒๙๕-๓๒๑ กับขอให้จำเลยใช้เงินค่าไถ่กระบืออีก ๑๒ บาทด้วย ฯ
จำเลยทั้ง ๒ คนให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ ฯ
ศาลมณฑลอุดรพิจารณาได้ความว่า เมื่อวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๑๒ ตรงกับวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวัน นายโพบุตร์นายเคนได้นำกระบือของนายเคนบิดาไปเลี้ยง ๑ ตัว แล้วกระบือหายไป แต่ใครจะเปนคนร้ายลักกระบือรายนี้นั้นข้อนี้มีคำนายจันไส่พยานได้พบจำเลยกับพวก ๑ คนจูงกระบือตัวนี้ไปทางบ้านดอนยางเดียว ในวันที่กระบือหายนั้นนายจันไสพยานได้ถามนายหนูพันจำเลย ๆ บอกว่าซื้อกระบือตัวนี้มาเปนราคา ๙ ตำลึง แล้วก็จุงกระบือเลยไป ครั้นรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งนายเคนเจ้าทรัพย์กับกำนันทองไปตามนายจันไส ๆ ได้แอบเหตุที่ได้เห็นแก่นายเคนแลกำนันทองให้ทราบ แล้วนายเคนกับกำนันทองก็เดิรตามรอยกระบือไป รอยกระบือไปหายในหมู่บ้านโพงามซึ่งเปนหมู่บ้านของจำเลยอยู่ นายเคนได้ตามไปจนพบจำเลยทั้ง ๒ คนนี้จำเลยได้รับเงินค่าไถ่จากนายเคน ๑๒ บาท แล้วจึงคืนกระบือให้นายเคนไป ได้ความดังนี้ พิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๔ ข้อ ๖ ประกอบด้วยมาตรา ๒๙๓ ข้อ ๑๑ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนดคนละ ๒ ปี กับให้จำเลยช่วยกันใช้เงิน ๑๒ บาทให้นายเคนด้วย ถ้าไม่มีใช้ให้จำแทนตามมาตรา ๑๘ อีกคนละ ๖ วัน ฯ
จำเลยอุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า พยานโจทย์เบิกความเปนที่สงสัย จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลเดิมแลยกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯถวายฎีกาเถียงข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ประชุมปฤกษาสำนวนเรื่องนี้ตลอดแล้วเห็นว่าคดีนี้โจทย์มีพยานประกอบกันเปนลำดับ คือ เวลาที่กระบือของนายเคนหายไปนั้นนายจันไลพยานได้เห็นจำเลยกับพวกจูงกระบือตัวนี้ไป ครั้นเจ้าทรัพย์กับพวกออกติดตามไปพบนายจันไส ๆ ก็ได้บอกเหตุที่เห็นจำเลยพากระบือของนายเคนไปนั้นแก่นายเคนเจ้าทรัพย์กับกำนันทองด้วย ถ้อยคำนายเคนเจ้าทรัพย์กับกำนันทองก็เบิกความรับรองประกอบสมคำนายจันไส แล้วนายเคนเจ้าทรัพย์จึงตามไปไถ่กระบือรายนี้มาจากจำเลยเปนเงิน ๑๒ บาท ซึ่งมีคำกำนันทอง นายเอ้น นายโสภีพยานเบิกความประกอบคำนายเคนเจ้าทรัพย์ในข้อนี้อยู่มั่นคงดังนี้ แม้คำพยานโจทย์จะเบิกความผิดเพี้ยนไปบ้างก็เปนเพราะความหลงลืมในเหตุเล็กน้อยซึ่งไม่ใช่ข้อสำคัญที่จะทำให้เปนเหตุสงสัยไม่ฟังพยานโจทย์เหล่านี้ได้ ที่ศาลมณฑลอุดรพิพากษาวางบทลงโทษจำเลยฐานเปนคนร้ายลักกระบือนายเคนนั้นสมควรแล้ว โดยเหตุนี้จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเสีย ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลมณฑลอุดรนั้น ฯ

Share