แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทย์ไป ๗๒๐ บาทกำหนดจะชำระเงินคืนใน ๑๐ เดือน จำเลยไม่ประพฤติตามสัญญา จึงขอให้บังคับจำเลยส่งต้นเงินดอกเบี้ยชั่งละ ๑ บาทต่อเดือน ฯ
นายทำจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทย์ ลายมือในสัญญาไม่ใช่ลายมือจำเลย ส่วนนายเจิมจำเลยขาดนัดไม่ยื่นคำให้การศาลพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ฯ
ศาลจังหวัดฉเชิงเซาพิจารณาเห็นว่าคดีโจทย์สืบสมเพียงว่านายเจิมจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทย์ และสัญญานั้นแบ่งเปนส่วนของนายเจิม ๒๔๐ บาท ส่วนดอกเบี้ยไม่มีกำหนดจะให้กันเท่าไรจึงพิพากษาให้นายเจิมใช้ต้นเงิน ๒๔๐ ให้โจทย์ กับดอกเบี้ยชั่งละ ๒ สลึงคิดแต่วันผิดสัญญา ส่วนนายทำจำเลยคดีโจทย์สืบไม่สมให้ยกฟ้องโจทย์แลให้โจทย์เสียค่าธรรมเนียมแทนนายทำ ฯ
โจทย์อุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษฟังว่าจำเลยทั้ง ๒ คนได้ทำสัญญากู้เงินโจทย์ จึงพิพากษาให้แก้คำพิพากษาศาลเดิมและให้จำเลยทั้ง ๒ คนใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ยเต็มตามฟ้อง ฯ
นายทำจำเลยผู้เดียวทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา จึงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาในชั้นนี้เฉพาะคดีส่วนตัวนายทำ ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแลประชุมปฤกษาคดีนี้เห็นว่า การที่โจทย์อ้างหนังสือสัญญากู้เงิน และนายทำจำเลยปฏิเสธลายมือในสัญญากู้นั้น คดีตกเปนน่าที่โจทย์จะต้องนำสืบว่าเปนลายมือของนายทำ หลักฐานพยานโจทย์ที่ยืนยันในข้อนี้ไม่มีเลย ขุนประเทศ ฯ พยานโจทย์ปากหนึ่งเบิกความเพียงว่า ในการทำสัญญากู้เงินโจทย์นั้นมีคนหนึ่งอ้างว่าชื่อทำ ได้เซ็นชื่อในสัญญาที่โจทย์อ้าง แต่จะเปนนายทำจำเลยนี้ฤาไม่พยานยืนยันไม่ได้ นายทับพยานโจทย์อีกปากหนึ่งเปนคนนำนายเจิมไปกู้เงินโจทย์รายที่ฟ้องนี้เบิกความว่าพยานได้พานายเจิมกับนางฟักไปกู้เงินโจทย์ นายทำจะไปด้วยฤาไม่พยานไม่ยืนยัน แต่กล่าวว่าไม่เคยนำนายทำไปหาโจทย์ ส่วนลายมือในหนังสือกู้ถ้าจะดูตามที่เห็นประจักษ์อยู่ ทำให้เห็นว่าลายมือที่เซ็นชื่อว่า “ทำ” นั้นเขียนคนละคราวกับข้อความอื่น เพราะสีหมึกต่างกันเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนลักษณอักษรจะคล้ายคลึงฤาเหมือนกับลายมือที่แท้จริงของนายทำอย่างไร ก็ไม่มีวิจักขณพยานมาเบิกความให้ปรากฎตัวโจทย์เองซึ่งควรจะเปนพยานสำคัญก็ไม่เข้าเบิกความประกอบคดีของตน ฯ
กรรมการศาลฎีกาเห็นว่าหลักฐานพยานโจทย์ดังกล่าวมานี้ฟังไม่ได้ว่านายทำจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทย์ดังฟ้อง ที่ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาให้นายทำรับผิดชอบใช้เงินรายนี้นั้น ไม่ชอบด้วยทางพิจารณา ฎีกานายทำฟังขึ้น จึงพร้อมกันพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษ คือให้ยกข้อที่บังคับให้นายทำใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ยให้โจทย์นั้นเสีย ให้ยกฟ้องโจทย์ในส่วนนายทำจำเลย ให้โจทย์เสียค่าธรรมเนียมแทนนายทำจำเลยค่าทนาย ๓ ศาล ๑๐๐ บาท
วันที่ ๙ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓