แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวัน จำเลยกับพวกสมคบกันลักเล่นโปปั่นพนันเอาเงินกันที่ตำบลห้วยชัน เจ้าพนักงานจับโปปั่น ๑ กับเสื่อ ๑ ผืนได้ที่วงเล่นโป ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอากรการพนัน ร.ศ.๑๒๐ กับให้จำเลยใช้เงินค่ารางวัลแก่ผู้นำจับ ๔๐๐ บาท ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำผิดดังข้อหา ฯ
ศาลจังหวัดชัยนาทพิจารณาคดีแล้ว เห็นว่าพยานโจทย์เบิกความแตกต่างกัน ยังไม่ควรฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหา จึงพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยจำเลยไป ฯ
โจทย์อุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า ตามคำพยานโจทย์ควรฟังว่าจำเลยกับพวกลักเล่นโปปั่นพนัน แลได้ความว่านายอั้งบุ๋น นายชง นายฉาย นายนุ่ม ขุนสวัสดิ์ (รับประทวน) เปนพวกเจ้ามือ นายปราง นายแพ นายคำกับพวกอีกหลายคนเปนคนแทง จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักเล่นการพนันที่ห้ามขาดตามพระราชบัญญัติอากรการพนันมาตรา ๑๑ ให้จำคุกนายอั้งบุ๋น นายชงนายฉาย นายนุ่ม ขุนสวัสดิ์มีกำหนดคนละ ๔ เดือน ปรับเปนเงินพินัยคนละ ๑๐๐๐ บาท จำคุกนายคำ นายแพ นายปรางมีกำหนดคนละ ๒ เดือน ปรับเปนเงินพินัยคนละ ๕๐๐ บาท ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาต่อมา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว ได้ความตามคำพยานโจทย์โดยชัดเจนว่าจำเลยทั้ง ๘ คนนี้เล่นโปปั่นพนันทั้งจับโปปั่นของกลางได้ในวงที่เล่นการพนัน แต่จำเลยต่างพากันวิ่งหนีไปจับตัวไม่ได้ในเวลานั้น ถึงแม้พยานจะให้การมีข้อแตกต่างกันบ้าง เช่นพยานบางคนว่านายนินผู้ใหญ่บ้านไปถึงที่วงเล่นการพนันพร้อมกับพยานคนอื่น ๆ พยานบางคนว่านายนินผู้ใหญ่บ้านไปถึงภายหลังก็ดี ก็เปนแต่พลความ ฟังเปนความจริงได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหา ฎีกาจำเลยไม่มีเหตุจะแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษ ให้ยกฎีกาของจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓