แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งจะมิได้คัดค้านการอ้างเอกสารเป็นพยานของคู่ความอีกฝ่ายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 ก็เพียงแต่ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายนั้นคัดค้านการมีอยู่ และความแท้จริงของเอกสารนั้นเมื่อพ้นกำหนดเวลาเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการบังคับให้ศาลต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่ปรากฏในเอกสารนั้น เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ศาลต้องพิจารณาและมีอำนาจรับฟังจากพยานหลักฐานทั้งปวงอีกชั้นหนึ่งต่างหาก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ารวมเป็นเงิน 36,984 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยทั้งสองเลิกจ้างโจทก์คือวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2540 จนถึงวันฟ้องเป็นระยะเวลา 6 ปี 2 เดือน คิดเป็นดอกเบี้ย 34,210.20 บาท รวมเป็นเงิน 71,194.20 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 36,984 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าชดเชยจำนวน 27,738 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 9,246 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองได้อ้างเอกสารใบแจ้งการลาออกตามเอกสารหมาย ล. 3 ไว้ท้ายคำให้การแต่โจทก์มิได้คัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารหมาย ล. 3 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 โจทก์จะนำสืบพยานคัดค้านว่าลายมือชื่อในใบแจ้งลาออกตามเอกสารหมาย ล. 3 มิใช่ลายมือชื่อของโจทก์ไม่ได้ ข้อเท็จจริงต้องฟังว่า โจทก์ได้ลงลายมือชื่อในใบแจ้งลาออกตามเอกสารหมาย ล. 3 การที่ศาลแรงงานกลางรับฟังคำเบิกความของโจทก์ที่ปฏิเสธเอกสารหมาย ล. 3 แล้ววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในใบแจ้งการลาออกตามเอกสารหมาย ล. 3 จึงเป็นการวินิจฉัยคดีที่ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 125 นั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะมิได้คัดค้านการที่จำเลยทั้งสองอ้างเอกสารหมาย ล. 3 เป็นพยานจำเลย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 ก็เพียงแต่ห้ามมิให้โจทก์คัดค้านการมีอยู่ และความแท้จริงของเอกสารเมื่อพ้นกำหนดเวลาเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการบังคับให้ศาลต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่ปรากฏในเอกสารนั้น เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาและมีอำนาจรับฟังจากพยานหลักฐานทั้งปวงอีกชั้นหนึ่งต่างหาก การที่ศาลแรงงานกลางพิเคราะห์เอกสารหมาย ล. 3 ประกอบพยานหลักฐานอื่นแล้ววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในใบแจ้งการลาออกตามเอกสารหมาย ล. 3 นั้น จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.