คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10385/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบถอนเงินที่จำเลยทำปลอมขึ้นและนำไปใช้ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหาย เป็นหลักฐานที่ใช้แสดงว่าผู้เสียหายได้ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากไปแล้ว ใบถอนเงินจึงเป็นเอกสารอันก่อให้เกิดสิทธิในการรับเงินจากธนาคารจึงเป็นเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (9)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ , ๓๓ , ๙๑ , ๒๖๔ , ๒๖๕ และ ๒๖๘ ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔ , ๒๖๕ และ ๒๖๘ (ที่ถูก ๒๖๕ และ ๒๖๘ วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา ๒๖๕) เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ แต่ละกระทงลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ วรรคสอง เป็นความผิด ๒ กระทง จำคุกกระทงละ ๒ ปี รวมจำคุก ๔ ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยกระทงละ ๑ ปี รวมจำคุก ๒ ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ ปี ริบใบถอนเงินของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายว่า ใบถอนเงินของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่จำเลยนำไปยื่นต่อพนักงานของธนาคารดังกล่าว ประจำสาขาอยุธยา เป็นเอกสารสิทธิหรือไม่ เห็นว่า ใบถอนเงินที่จำเลยทำปลอมขึ้นและนำไปใช้ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายดังกล่าว เป็นหลักฐานที่ใช้แสดงว่าผู้เสียหายได้ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารไปแล้ว ใบถอนเงินดังกล่าวจึงเป็นเอกสารอันก่อให้เกิดสิทธิในการรับเงินจากธนาคาร จึงเป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑ (๙) การที่จำเลยได้นำแบบพิมพ์ใบถอนเงินของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มากรอกข้อความโดยเขียนชื่อนางสาวศิริพันธ์ ตำหนิดี ในช่องชื่อบัญชี เขียนเลขที่บัญชี จำนวนเงิน และลงลายมือชื่อปลอมของนางสาวศิริพันธ์ ในช่องผู้รับเงินและในช่องผู้ถอนเงิน แล้วนำใบถอนเงินไปยื่นต่อพนักงานของธนาคารดังกล่าว ประจำสาขาอยุธยา ซึ่งหลงเชื่อว่าเป็นใบถอนเงินที่แท้จริงจึงจ่ายเงินให้จำเลยไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการทำเอกสารสิทธิปลอมขึ้นทั้งฉบับ เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง และก่อให้เกิดความเสียหายแก่นางสาวศิริพันธ์ ธนาคาร และพนักงานธนาคารแล้ว จึงเป็นการปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมทั้งสองฉบับ ไม่ใช่เป็นเพียงการปลอมเอกสารธรรมดาดังที่จำเลยฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ วินิจฉัยว่า ใบถอนเงินดังกล่าวเป็นเอกสารสิทธิจึงชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลย ๒ กระทง กระทงละ ๒,๐๐๐ บาท รวมปรับ ๔,๐๐๐ บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี ระหว่างรอการลงโทษให้คุมความประพฤติของจำเลยไว้ โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ ๔ ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร กับให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด ๒๐ ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ และ ๓๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑.

Share