คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1433/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอคืนค่าภาษีป้ายตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ต่อผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ซึ่งผู้บริหาร ท้องถิ่นมอบหมายภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่เสียภาษีป้าย ต้องเป็นกรณีที่ผู้เสียภาษีป้ายเสียไปโดยไม่มีหน้าที่หรือ เสียเกินกว่าที่ควรต้องเสีย
คดีนี้โจทก์เห็นว่าการประเมินภาษีป้ายไม่ถูกต้อง และได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีป้าย ตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีป้าย พ.ศ. 2510 แล้ว จึงฟ้องให้เพิกถอนหรือแก้ไขการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง พร้อมขอคืนค่าภาษีป้ายและเงินเพิ่มที่ประเมินเกินไปโดยมิชอบที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยที่ 1 แล้วคืน กรณีจึงไม่ใช่ การขอคืนตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว โจทก์จึงมีอำนาจขอคืนค่าภาษีป้ายและเงินเพิ่มคืน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้ายที่ มห 520003/0445 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2542 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ มห 52003/1434 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2542 และให้จำเลยที่ 1 คืนเงินค่าภาษี 202,414 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระต้นเงินให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้แก้ไขการประเมินค่าภาษีป้ายและเงินเพิ่ม และให้จำเลยที่ 1 คืนเงินค่าภาษีป้ายและเงินเพิ่มจำนวน 188,050 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่า ทนายความ 4,000 บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรพิจารณาแล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า โจทก์มีสิทธิขอคืนค่าภาษีป้ายที่ชำระเกินเนื่องจากโจทก์มิได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอคืนต่อผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ซึ่งผู้บริหาร ท้องถิ่นมอบหมายภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่เสียภาษีป้ายตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 หรือไม่ เห็นว่า การขอคืนค่าภาษีป้ายตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกรณีขอคืนต่อผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ซึ่ง ผู้บริหารท้องถิ่นมอบหมายภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่เสียภาษีป้าย ต้องเป็นกรณีที่ผู้เสียภาษีป้ายเสียภาษีป้ายไปโดยไม่มีหน้าที่หรือเสียเกินกว่าที่ควรต้องเสีย แต่กรณีคดีนี้โจทก์เห็นว่าการประเมินภาษีป้ายไม่ถูกต้องและได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีป้ายตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 แต่จำเลยทั้งสองวินิจฉัยยืนตามการแจ้งการประเมิน โจทก์จึงฟ้องให้เพิกถอนหรือแก้ไขการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองพร้อมขอคืนค่าภาษีป้ายและเงินเพิ่มที่ประเมินเกินไปโดยมิชอบที่โจทก์ได้ชำระให้จำเลยที่ 1 แล้วคืน กรณีจึงไม่ใช่กรณีขอคืนตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงมีอำนาจขอคืนค่าภาษีป้ายและเงินเพิ่มคืนจากจำเลยที่ 1
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้แก้ไขการประเมินค่าภาษีป้ายและเงินเพิ่มตามหนังสือที่ มห 52003/0445 ลงวันที่ 9 มีนาคม 2542 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ มห 52003/1434 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2542 เป็นให้โจทก์ชำระค่าภาษีป้ายสำหรับปี 2538 เป็นเงิน 40,800 บาท และเงินเพิ่ม 4,080 บาท ปี 2539 ค่าภาษีป้าย 22,000 บาท และเงินเพิ่ม 2,200 บาท ปี 2540 ค่าภาษีป้าย 30,720 บาท และเงินเพิ่ม 3,072 บาท ปี 2541 ค่าภาษีป้าย 30,720 และเงินเพิ่ม 3,072 บาท และ ปี 2542 ค่าภาษีป้าย 40,800 บาท และให้จำเลยที่ 1 คืนเงินค่าภาษีป้ายที่โจทก์ชำระไว้เกินจำนวน 168,704 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

Share