คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3760/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 5 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุเรื่องการคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอกไว้ว่า การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง ซึ่งหมายความว่าจำเลยที่ 5 ในฐานะผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้ใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามผู้ขับขี่เสมือนหนึ่งผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ขับขี่เอง เมื่อ ป. ขับขี่รถคันเกิดเหตุโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 5 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตามนัยแห่งกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว
แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันเกิดเหตุมา และได้ให้ ป. ขับก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถยนต์ ดังนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437
ทายาทผู้รับมรดกของผู้ตายต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกในความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำละเมิดของผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๒ น – ๖๖๐๓ กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๑ เป็นภริยาของนายเปรมศักดิ์ สุขจิตภิญโญ และเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๔ ก – ๐๖๕๓ กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เป็นบุตรของนายเปรมศักดิ์กับจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๔ เป็นมารดาของนางเปรมศักดิ์ นายเปรมศักดิ์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๖ จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นทายาทโดยธรรม ผู้รับมรดกของนายเปรมศักดิ์ จำเลยที่ ๕ เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๔ ก – ๐๖๕๓ กรุงเทพมหานคร ไว้จากจำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดต่อความเสียหายจากการที่รถคันดังกล่าวก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในวงเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๖ นายเปรมศักดิ์ได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๔ ก ภ ๐๖๕๓ กรุงเทพมหานคร ด้วยความเร็วสูง และออกนอกช่องทางล่วงล้ำเข้าไปในช่องทางเดินรถด้านขวามือ เป็นเหตุให้รถพุ่งเข้าชนรถยนต์บรรทุกของโจทก์คันหมายเลขทะเบียน ๒ บ – ๖๖๐๓ กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้นายเปรมศักดิ์ถึงแก่ความตาย และรถของโจทก์ล้อหน้าหลุดเสียการทรงตัวพลิกคว่ำลงข้างถนนได้รับความเสียหาย นายเปรมศักดิ์ในฐานะผู้ทำละเมิดจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ เมื่อนายเปรมศักดิ์ถึงแก่ความตายไปแล้ว จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ในฐานะทายาทโดยธรรมผู้รับมรดกของนายเปรมศักดิ์ จำเลยที่ ๑ ในฐานะเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๔ ก – ๐๖๕๓ กรุงเทพมหานคร และจำเลยที่ ๕ ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าว จึงต้องรวมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ถึงจำเลยที่ ๔ ให้การในทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ ๑ มิได้เป็นภริยาของนายเปรมศักดิ์ และมิได้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๔ ก – ๐๖๕๓ กรุงเทพมหานคร นายเปรมศักดิ์ เป็นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว จำเลยที่ ๒ ถึงจำเลยที่ ๔ มิได้เป็นทายาทโดยธรรมหรือผู้รับมรดกของนายเปรมศักดิ์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจากความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างของโจทก์แต่ฝ่ายเดียว ความเสียหายของโจทก์สูงเกินความเป็นจริง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๕ ให้การว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๒ น – ๖๖๐๓ กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ ๑ เป็นเพียงเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๔ ก – ๐๖๕๓ กรุงเทพมหานคร เท่านั้น มิได้ครอบครอง จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ ๕ รับประกันภัยรถคันดังกล่าวไว้จากจำเลยที่ ๑ จริง แต่กรณีนี้จำเลยที่ ๑ ไม่มีหน้าที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ ๕ จึงไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ในฐานะทายาทโดยธรรมของนายเปรมศักดิ์ สุขจิตภิญโญ ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๑ และที่ ๕
โจทก์ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๕ ใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๕ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๕ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น เห็นว่า แม้จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เป็นภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายเปรมศักดิ์ การที่นายเปรมศักดิ์เป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุจึงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ยินยอมให้นายเปรมศักดิ์ซึ่งเป็นสามีขับรถคันเกิดเหตุ ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.๕, จ.๖ หรือ ล.๓ ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันภัยฉบับเดียวกัน ที่จำเลยที่ ๕ ออกให้แก่จำเลยที่ ๑ ในการรับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุจากจำเลยที่ ๑ ในสัญญาหมวดที่ ๒ การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ ๒.๘ ระบุว่า การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่าบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง ฯลฯ ซึ่งหมายความว่า จำเลยที่ ๕ ในฐานะผู้รับประกันภัยจะเป็นผู้ใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามผู้ขับขี่เสมือนหนึ่งผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ขับขี่เอง เมื่อนายเปรมศักดิ์ขับขี่รถคันเกิดเหตุโดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นภริยา จำเลยที่ ๕ จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกตามนัยแห่งกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว
ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ ผู้เช่าซื้อรถคันเกิดเหตุที่นายเปรมศักดิ์ขับมาจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์อินเตอร์เครดิตแอนด์ทรัสต์ จำกัด มีเจตนาเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว ทั้งเป็นผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวด้วย จึงต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น เห็นว่าแม้รถคันดังกล่าวจำเลยที่ ๑ จะได้เช่าซื้อมาและได้ให้นายเปรมศักดิ์ขับก็ตาม แต่จำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถคันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าวนั้น ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๗ การที่จำเลยที่ ๑ เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถคันดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้เป็นเพียงเจ้าของหรือผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นในเมื่อมีผู้ขับรถไปเกิดเหตุ เว้นแต่ผู้ขับจะเป็นลุกจ้างหรือตัวแทนของเจ้าของหรือผู้เช่าซื้อเท่านั้น จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากความประมาทของนายเปรมศักดิ์
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เป็นบุตรนอกกฎหมายที่นายเปรมศักดิ์ผู้ตายได้รับรองแล้ว จึงมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายและเป็นทายาทของผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ ๔ เป็นมารดาของผู้ตาย จึงเป็นทายาทของผู้ตาย ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายนั้น ได้ความว่าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เป็นบุตรผู้ตาย จำเลยที่ ๔ เป็นมารดาผู้ตาย แต่ตามข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เป็นบุตรนอกกฎหมายของผู้ตายที่ผู้ตายได้รับรองแล้ว จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ ๔ เป็นมารดาของผู้ตายจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมผู้รับมรดกของผู้ตาย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นางจู แซ่เตีย จำเลยที่ ๔ ในฐานะทายาทโดยธรรมของนายเปรมศักดิ์ สุขจิตภิญโญ ผู้ตาย ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๕ ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share