คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5309/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 เป็นภริยาจำเลยที่ 2 บุคคลทั้งสองเป็นชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกัน ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ไปพบปะพูดกับจำเลยที่ 1 ด้วยกันเมื่อจำเลยที่ 2 รับห่อเฮโรอีนจากจำเลยที่ 1 ใส่ถุงกระดาษถือมาที่ห้างสรรพสินค้าเที่ยวแรกแล้วจำเลยที่ 2 ก็ส่งให้แก่จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ได้เปิดดูแล้วคล้อง ถุงกระดาษไว้กับรถเข็นเด็กซึ่งมีบุตรนั่งอยู่พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑, ๘๓ และริบของกลาง
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง ส่วนข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคสองให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นศาล เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ ๒ ตลอดชีวิต ของกลางริบ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาต
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า จำเลยที่ ๒ เป็นสามีของจำเลยที่ ๓ บุคคลทั้งสองเป็นชาวต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกันเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๓๐ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ได้ออกจากโรงแรมแชงกรีล่าไปด้วยกัน แล้วไปพบปะสนทนากับจำเลยที่ ๑ ที่ร้านอาหารแดรี่ควีนส์ชั้นล่างของห้างโรบินสัน ถนนพระราม ๔ หลังจากนั้นจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ กับจำเลยที่ ๑ แยกกันกลับ ต่อมาวันที่ ๒๒มกราคม ๒๕๓๐ เวลา ๑๐ นาฬิกาเศษ จำเลยที่ ๒ ไปที่ห้างโรบินสันและได้ซื้อผ้าเด็กใส่ในถุงกระดาษของห้างโรบินสันถือเดินไปที่บริเวณลานจอดรถสวนลุมพินี แล้วเข้าไปในรถยนต์เก๋งยี่ห้อ บี เอ็ม ดับบลิวคันหมายเลขทะเบียน ๓ จ – ๘๗๒๘ กรุงเทพมหานคร ที่จอดติดเครื่องรออยู่ประมาณ ๒ นาที ก็ออกจากรถถือถุงกระดาษใบเดิมซึ่งบรรจุเฮโรอีนกลับไปยังห้างโรบินสัน ขณะนั้นจำเลยที่ ๓ ไปรออยู่แล้วพร้อมด้วยบุตรซึ่งนั่งไปในรถเข็น จำเลยที่ ๒ ส่งถุงกระดาษบรรจุเฮโรอีนดังกล่าวให้จำเลยที่ ๓ เปิดดูแล้วนำไปคล้องไว้กับที่เข็นของรถเข็นทางด้านซ้ายมือ ต่อมาจำเลยที่ ๒ แยกไปซื้อหมอนข้างเด็กสีชมพู ๑ ใบใส่ถุงกระดาษของห้างโรบินสัน ๑ ใบ ซึ่งเป็นใบใหญ่กว่าเดิมแล้วเดินข้ามถนนไปที่รถยนต์เก๋งยี่ห้อ บี เอ็ม ดับบลิว คันเดิมที่ยังจอดรออยู่ แล้วเข้าไปนั่งคู่กับคนขับประมาณ ๒ นาที ก็ออกมาจากรถ ถือถุงกระดาษใบเดิมซึ่งบรรจุเฮโรอีนออกมาด้วย เดินกลับไปพบกับจำเลยที่ ๓ ที่ห้างโรบินสันอีก แล้วเอาถุงเฮโรอีนดังกล่าวแขวนไว้กับที่เข็นของรถเข็นคู่กับถุงเฮโรอีนใบแรก และพาจำเลยที่ ๓เดินออกจากห้างดังกล่าวไปทางถนนพระราม ๔ โดยจำเลยที่ ๒ เป็นคนเข็นรถเด็ก พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๓ เป็นการร่วมกับจำเลยที่ ๒มีเฮโรอีนของกลางอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ ไว้ในครอบครองและด้วยเหตุที่ยาเสพติดให้โทษดังกล่าวมีปริมาณมากคำนวณเป็นสารเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์บริสุทธิ์ได้ถึง ๔.๔๖๗ กิโลกรัม จึงต้องถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๓ ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ ๒ ด้วยนั้นศาลฎีกาเห็นฟ้องด้วยฎีกาจำเลยที่ ๓ ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ดีรูปคดีมีเหตุให้เชื่อว่า การที่จำเลยที่ ๓ กระทำความผิดนี้เนื่องจากอิทธิพลของจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นสามีและเป็นคนติดยาเสพติดให้โทษเป็นต้นเหตุ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยที่ ๓ ถึงประหารชีวิตจึงยังไม่เหมาะสม เห็นสมควรวางโทษเสียใหม่ให้พอเหมาะแก่รูปคดี
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ให้จำคุกจำเลยที่ ๓ ตลอดชีวิตนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share