แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ค่าธรรมเนียมที่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์ไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุของโจทก์ มีลักษณะเป็นสินจ้าง โจทก์จึงเป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) สิทธิเรียกร้องหนี้ค่าใช้บริการโทรศัพท์ทางไกลของโจทก์ จึงมีอายุความฟ้องร้อง 2 ปี
เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความครบกำหนดตรงกับวันเสาร์หยุดราชการ การนับระยะเวลาวันสุดท้ายของการฟ้องร้อง ก็ต้องถือหลักตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 คือให้นับวันจันทร์อันเป็นวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วยเป็นวันสุดท้าย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เช่า ได้ใช้และยินยอมให้ผู้อื่นใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากเครื่องโทรศัพท์จากองค์การโทรศัพท์แห่ง ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ถึงวันที่๒๘ มีนาคม ๒๕๒๖ รวม ๑๓ ครั้ง เป็นเงิน ๙,๑๗๒ บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การในปัญหาข้อกฎหมายที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาว่า โจทก์ควรใช้สิทธิเรียกร้องภายในอายุความ ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๓) ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๙๔๕ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับจากวันฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์จากในประเทศไปยังต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้โจทก์อันมีลักษณะเป็นสินจ้างแม้โจทก์จะมิใช่พ่อค้า แต่ก็นับได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕(๗) สิทธิเรียกร้องหนี้ค่าใช้บริการโทรศัพท์ทางไกลของโจทก์จึงมีอายุความฟ้องร้อง ๒ ปี..การนับระยะเวลาของอายุความต้องเป็นไปตามบทบัญญัติลักษณะ ๕ เรื่องระยะเวลา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อสิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความถึงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๘ตรงกับวันเสาร์หยุดราชการ การนับระยะเวลาวันสุดท้ายก็ต้องถือหลักตามมาตรา ๑๖๑ คือให้นับวันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๘ เข้าด้วยเป็นวันสุดท้าย โจทก์ฟ้องคดีวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๘ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๘ จำนวน ๙๔๕ บาท จึงไม่ขาดอายุความโจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องหนี้รวมจำนวนเงิน ๑,๘๙๐ บาท
พิพากษาแก้ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๑,๘๙๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับจากวันฟ้อง.