แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือรับรองการจดทะเบียนท้ายฟ้องมิได้มีข้อจำกัดอำนาจของกรรมการไว้ ผู้ลงชื่อแทนโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจก็เป็นกรรมการของบริษัท และประทับตราสำคัญของบริษัท แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทมาแสดงว่ากรรมการกี่คนมีอำนาจทำการแทนบริษัทได้ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุในฟ้องและนำสืบแล้วว่า กรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือกรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ซึ่งไม่ขัดกับหนังสือรับรองการจดทะเบียนท้ายฟ้อง ทั้งฝ่ายจำเลยก็มิได้โต้แย้งว่าไม่ถูกต้องอย่างใด หากศาลสงสัยว่าใบมอบอำนาจกระทำโดยผู้ไม่มีอำนาจ ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์ส่งหนังสือรับรองอำนาจจัดการของโจทก์ของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 66 ถือได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๙,๓๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง ๖๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๙,๙๐๐ บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน ๙,๓๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์บรรยายว่ากรรมการของบริษัทมี ๖ คนตามรายชื่อเอกสารท้ายฟ้อง แต่ไม่มีข้อความจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้ แม้หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจะระบุว่าบริษัทโจทก์โดยนายสมชาย เบญจรงคกุลกับนายวิวัฒน์ นาคปนันท์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนมอบอำนาจให้นายสุธรรม ไชยสุวรรณ เป็นโจทก์ฟ้องก็ตาม เมื่อหนังสือรับรองไม่มีข้อความจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัท จึงฟังไม่ได้ว่าบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้ฟ้อง พิพากษายกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ระบุชื่อกรรมการของบริษัททั้ง ๖ คนตามเอกสารท้ายฟ้องแล้ว และบรรยายในฟ้องด้วยว่ากรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือ กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท การฟ้องคดีนี้บริษัทโจทก์โดยนายสมชาย เบญจรงคกุลกับนายวิวัฒน์ นาคปนันท์ กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญมอบอำนาจให้นายสุธรรม ไชยสุวรรณ เป็นโจทก์ฟ้องและดำเนินคดีแทนตามภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือรับรองการจดทะเบียนดังที่ปรากฏท้ายฟ้องมิได้มีข้อจำกัดอำนาจของกรรมการไว้ ผู้ลงชื่อแทนโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจก็เป็นกรรมการของบริษัทและประทับตราสำคัญของบริษัทแล้ว หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงมีผลใช้บังคับได้ แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครมาแสดงว่ากรรมการกี่คน มีอำนาจทำการแทนบริษัทได้ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุในฟ้องและนำสืบแล้วว่ากรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือ กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ซึ่งไม่ขัดกับหนังสือรับรองการจดทะเบียนท้ายฟ้อง ทั้งฝ่ายจำเลยก็มิได้เข้ามาในคดีและโต้แย้งว่าไม่ถูกต้องอย่างใด หากศาลสงสัยว่าใบมอบอำนาจนั้นกระทำโดยผู้ไม่มีอำนาจกระทำแทนโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคลศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์ส่งหนังสือรับรองอำนาจจัดการของโจทก์ของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครต่อศาลได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖๖ ตามหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเอกสารหมาย จ.๒ ถือได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้แล้ว
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมไว้สั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.