คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2533

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอื่นหาได้ ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลไม่ หนี้ที่เจ้าหนี้ขอรับชำระเป็นหนี้ตาม เช็ค จ.2 ที่ศาลคดีอื่นพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระให้เจ้าหนี้เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วได้ความว่าลูกหนี้ได้ ออกเช็ค หมาย จ.1 ให้เจ้าหนี้แทนเช็ค หมาย จ.2 แล้วดังนี้ เจ้าหนี้ไม่อาจนำเช็ค หมาย จ.2 ซึ่ง ฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้เพราะหนี้ระงับมาขอรับชำระหนี้อีก ตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 94(1).

ย่อยาว

คดีนี้มูลกรณีสืบเนื่องมาจาก นายป้อ แซ่โค้ว เป็นโจทก์ฟ้องนายอรุณ เชาวบวร เป็นจำเลยขอให้ล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ไว้เด็ดขาดแล้วเมื่อวันที่ 12กันยายน 2527 นายป้อ แซ่โค้ว เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 532/2526 ของศาลชั้นต้น จำนวนเงิน 265,345 บาท ดอกเบี้ยตามคำพิพากษาอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีคิดถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด23,044.62 บาท ค่าฤชาธรรมเนียม 6,940 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น295,329.62 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ รายละเอียดปรากฏตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ขอรับชำระหนี้ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ลูกหนี้ได้ออกเช็คธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาพัทลุง เลขที่ 0049118 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม2526 จำนวนเงิน 165,345 บาท และเช็คธนาคารนครหลวงไทย สาขาพัทลุงเลขที่ 000394 ลงวันเดียวกัน จำนวนเงิน 100,000 บาท ตามเอกสารหมายจ.1, จ.2 ตามลำดับมอบให้เจ้าหนี้ไว้ ครั้นเช็คนั้นถึงกำหนดเจ้าหนี้นำเช็คทั้งสองฉบับเข้าบัญชีของตนเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่เรียกเก็บไม่ได้เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ปรากฏตามใบคืนเช็คซึ่งรวมอยู่ในภาพถ่ายเอกสารหมาย จ.1, จ.2 เจ้าหนี้จึงฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นขอให้บังคับลูกหนี้ชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับนั้นลูกหนี้ขาดนัดยื่นคำให้การ ในที่สุดศาลชั้นต้นพิพากษาตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 532/2526 ให้ลูกหนี้ชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับ จำนวน 265,345 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนกว่าลูกหนี้จะชำระเงินให้เจ้าหนี้เสร็จ กับให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนเจ้าหนี้ด้วย แต่ลูกหนี้ไม่ชำระ และไม่มีทรัพย์ที่เจ้าหนี้จะยึดมาบังคับชำระหนี้ได้เจ้าหนี้จึงได้นำหนี้ตามคำพิพากษามาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายเป็นคดีนี้ ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้จึงนำหนี้ตามคำพิพากษานั้นมาขอรับชำระหนี้คดีมีปัญหาตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตามจำนวนที่ศาลพิพากษาหรือไม่
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 91 เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายจะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และมาตรา 105 บัญญัติว่า ในการตรวจคำขอรับชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจออกหมายเรยกเจ้าหนี้ ลูกหนี้หรือบุคคลใดมาสอบสวนในเรื่องหนี้สิน แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระต่อศาล พร้อมทั้งรายงานว่ามีผู้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ประการใดหรือไม่ เป็นที่เห็นได้ว่า เมื่อมีผู้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายแม้ผู้ขอจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นหรือเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ในคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระนั้นว่าเป็นหนี้ที่ขอรับชำระได้หรือไม่ แล้วทำความเห็นเสนอศาลและศาลมีอำนาจสั่งตามบทบัญญัติมาตรา 106, 107, 108แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 แสดงว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอื่นหาได้ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลไม่ ฉะนั้นแม้หนี้ที่เจ้าหนี้ขอรับชำระเป็นหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย จ.2 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 532/2526 ของศาลชั้นต้นก็ตาม เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วได้ความว่าลูกหนี้ได้ออกเช็คเอกสารหมาย จ.1ให้เจ้าหนี้แทนเช็คตามเอกสารหมาย จ.2 เจ้าหนี้จึงไม่อาจนำเช็คเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้เพราะหนี้ระงับไปตามข้อตกลงดังกล่าวมาขอรับชำระหนี้อีก ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(1) ที่ศาลล่างทั้งสองอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่กล่าวแล้วเพียงบางส่วนกล่าวคือให้ได้รับชำระหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 และยกคำขอรับชำระหนี้สำหรับเช็คเอกสารหมาย จ.2 ดังความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบแล้ว คำพิพากษาฎีกาที่ 1075/2503 ระหว่าง นายบุ้นแซ่ลิ้ม โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเภสัชทรงชัย กับพวก จำเลย ที่เจ้าหนี้อ้างมานั้นข้อเท็จจริงแตกต่างกับคดีนี้ตรงที่คดีนั้นไม่มีพฤติการณ์ หรือข้อเท็จจริงอื่นที่หักล้างคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลเช่นคดีนี้ จึงนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้…”
พิพากษายืน.

Share