แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงขายที่ดินเลขที่ 442 ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ส่วนทางทิศเหนือให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง คิดเป็นเนื้อที่ 1 งาน 94 ตารางวา แต่สัญญาจะซื้อจะขายที่โจทก์แนบสำเนามาท้ายฟ้องระบุแต่เพียงว่าคู่สัญญาตกลงซื้อขายที่ดินแปลงหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ระบุเนื้อที่และที่ตั้งของที่ดินและไม่ได้ระบุว่าเป็นที่ดินตามฟ้อง การที่จำเลยให้การว่าตามสัญญาดังกล่าวจำเลยตกลงขายให้เฉพาะบริเวณที่เป็นที่ปลูกสร้างเรือนและยุ้งข้าว ไม่ได้กำหนดเนื้อที่จำนวนแน่นอนเท่าใดดังโจทก์ฟ้องถือได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ในเรื่องจำนวนเนื้อที่ดินและบริเวณที่ดินที่จำเลยจะขายให้โจทก์โดยชัดแจ้งแล้ว ชอบที่ศาลจะฟังพยานหลักฐานของคู่ความให้สิ้นกระแสความเสียก่อนจึงวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๒๕ จำเลยทั้งสองตกลงขายที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๔๔๒ ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิเนื้อที่ ๓ งาน ๘๘ ตารางวา ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ส่วนทางทิศเหนือคิดเป็นเนื้อที่ ๑ งาน ๙๔ ตารางวา ปรากฏตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑ ภายในเส้นสีแดง ราคา ๑๐,๐๐๐ บาทวันซื้อขายโจทก์ได้ชำระเงินให้ ๗,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือตกลงว่าโจทก์ชำระเงินให้จำเลยทั้งสองเมื่อใด จำเลยที่ ๑ จะไถ่ถอนจำนองที่ดินที่ขายจากธนาคารกรุงไทย จำกัด แล้วแบ่งแยกโอนให้โจทก์ทันทีหลังจากซื้อขายแล้ว ๑ เดือน โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบว่าจะชำระเงิน ๓,๐๐๐ บาทที่ขาดอยู่ ให้จำเลยทั้งสองไถ่ถอนแบ่งแยกที่ดินให้โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมโอน ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองรับเงิน ๓,๐๐๐ บาท ให้จำเลยที่ ๑ ไถ่ถอนที่ดินดังกล่าวถ้าไม่ยอมไถ่ถอน ให้โจทก์เป็นผู้ไถ่ถอน โดยให้จำเลยทั้งสองเป็นคนชำระเงิน ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้บังคับเอาจากทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง ให้จำเลยที่ ๑ แบ่งแยกที่ดินเนื้อที่ ๑ งาน ๙๔ ตารางวา โอนให้โจทก์ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ยอม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ถ้าไม่สามารถแบ่งแยกได้ให้จำเลยทั้งสองคืนเงิน ๗,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๒๕ จนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยทั้งสองตกลงขายที่ดินตามฟ้องให้โจทก์จริง แต่มีข้อตกลงที่ไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายว่า ถ้าพ้นกำหนด ๑ ปี นับแต่วันชำระเงินครั้งแรกแล้วผู้ซื้อไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือ ผู้ขายจะบอกเลิกสัญญาและคืนเงินที่ชำระให้แก่ผู้ซื้อ โจทก์ไม่ติดต่อขอชำระเงินส่วนที่เหลือภายในกำหนด ๑ ปี เมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี จำเลยแจ้งให้โจทก์รับเงิน ๗,๐๐๐ บาทคืน แต่โจทก์เรียกร้องขอเงินจากจำเลย ๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยไม่ตกลงด้วยเดิมโจทก์เป็นลูกจ้างทำงานประจำโรงสีขนาดเล็กของจำเลย จำเลยปลูกเรือนให้โจทก์พักอาศัย ต่อมาโจทก์ปลูกสร้างยุ้งข้าวใกล้กับบริเวณเรือนในที่ดินตามฟ้อง ข้อตกลงในการขายที่ดิน จำเลยขายให้เฉพาะบริเวณที่เป็นที่ปลูกสร้างเรือนและยุ้งข้าว ไม่ได้กำหนดเนื้อที่จำนวนแน่นอนเท่าใดดังฟ้องของโจทก์ จึงไม่สามารถแบ่งแยกที่ดินให้ตามฟ้องได้ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องชี้สองสถานและสืบพยาน จึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองไถ่ถอนที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๔๔๒ ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองชัยภูมิจังหวัดชัยภูมิ จากธนาคารกรุงไทย จำกัด แล้วแบ่งแยกโอนที่ดินให้โจทก์เนื้อที่ ๑ งาน ๙๔ ตารางวา ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ยอมไถ่ถอนให้โจทก์ไถ่ถอนแทน แล้วบังคับเอาจากทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองโดยให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง ถ้าจำเลยทั้งสองไม่สามารถแบ่งแยกโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน ๗,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๒๕ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาจะซื้อจะขายที่โจทก์แนบสำเนามาท้ายฟ้องนั้น ระบุแต่เพียงว่า คู่สัญญาตกลงซื้อขายที่ดินแปลงหนึ่งเท่านั้น สัญญาดังกล่าวไม่ระบุเนื้อที่และที่ตั้งของที่ดิน ทั้งมิได้ระบุว่าเป็นที่ดินตาม น.ส.๓ ก. เลขที่ ๔๔๒ ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ตามฟ้อง หรือมีแผนที่สังเขปกันแต่อย่างใด การที่จำเลยให้การว่า ตามสัญญาดังกล่าว จำเลยตกลงขายให้เฉพาะบริเวณที่เป็นที่ปลูกสร้างเรือนและยุ้งข้าว ไม่ได้กำหนดเนื้อที่จำนวนแน่นอนเท่าใดดังฟ้องโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ในเรื่องจำนวนเนื้อที่ดินและบริเวณที่ดินที่จำเลยจะขายให้โจทก์โดยชัดแจ้งว่า ชอบที่จะฟังพยานหลักฐานของคู่ความให้สิ้นกระแสความเสียก่อน จึงวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีที่ศาลล่างทั้งสองให้งดชี้สองสถาน งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป.