คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยชำระหนี้ตาม คำพิพากษาให้กับ ส. ภริยาโดยชอบด้วย กฎหมายของโจทก์ แต่ ส. ไม่ได้เป็นตัว เจ้าหนี้และไม่เป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์ นอกจากนี้ ส. ไม่ได้อยู่ร่วมกับโจทก์และในวันที่ ส. รับชำระหนี้โจทก์ก็ไม่ได้อยู่รู้เห็นด้วย จึงหาเป็นการแสดงว่าโจทก์ให้ ส. รับชำระหนี้แทนและเป็นการให้สัตยาบันในการชำระหนี้ไม่ การชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมอบทรัพย์สินที่ยึดมาจากลูกหนี้ให้ผู้ใดรักษาเป็นดุลพินิจ ของเจ้าพนักงานบังคับคดี.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดห้องแถวเลขที่ ๓๓ ข. ตำบลวังน้ำเย็น อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดปราจีนบุรีพร้อมที่ดินที่ห้องแถวดังกล่าวปลูกอยู่ และรถไถนาพร้อมอุปกรณ์จำนวน ๑ คัน
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา+ รัตนะสอาด ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ตามสำเนาหลักฐานการชำระเงินท้ายคำร้องจำเลยจึงไม่มีหนี้สินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด และยื่นคำแถลงขอเป็นผู้รักษารถไถนา
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ นางสุชิน รัตนะสอาด ภริยาโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้ยินยอมและรับรู้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และหากให้จำเลยรักษารถไถนา จำเลยก็จะนำเอารถไปใช้งานเป็นเหตุให้รถเสื่อมค่าเสื่อมสภาพจึงไม่ควรให้จำเลยรักษารถ ขอให้ยกคำร้องและคำแถลง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องและคำแถลงของจำเลย ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๕๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยฏีกา
ศาลฏีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ศาลฏีกาพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินเดือนละ ๑,๓๓๓.๓๓ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะได้ให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถวพิพาท พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมต่อมาโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดห้องแถวพร้อมที่ดินและรถไถนาของจำเลยเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวแล้วได้มอบรถไถนาให้นางสุชิน รัตนะสอาด ภริยาโจทก์ซึ่งแยกกันอยู่รักษา และก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึดทรัพย์สินจำเลยจำเลยได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่นางสุชินเป็นเงิน ๑๑๐,๐๐๐ บาท
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้นางสุชินภริยาโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นการชำระหนี้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้นเห็นว่า นางสุชินไม่ได้เป็นตัวเจ้าหนี้และไม่เป็นผู้มีอำนาจรับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้ นอกจากนี้นางสุชินไม่ได้อยู่ร่วมกับโจทก์ และในวันที่นางสุชินรับชำระหนี้โจทก์ก็ไม่ได้อยู่รู้เห็นด้วย จังหาเป็นการแสดงว่าโจทก์ให้นางสุชินภริยารับชำระหนี้แทนและเป็นการให้สัตยาบันในการรับชำระหนี้ไม่ การชำระหนี้ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๑๕ สำหรับปัญหาเรื่องการรักษาทรัพย์นั้นเห็นว่า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๐๓ (๑) กล่าวคือ ให้นำเอกสารหรือทรัพย์สินนั้นมาและฝากไว้ ณ สถานที่ใดหรือแก่บุคคลใดตามที่เห็นสมควรดังนี้ การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมอบทรัพย์สินที่ยึดมาจากลูกหนี้ให้ผู้ใดรักษาจึงเป็นดุลยพินิจของเจ้าพนักงานบังคับคดี คดีเจ้าพนักงานบังคับคดีมอบรถไถนาซึ่งยึดมาจากจำเลยให้นางสุชินรักษา และยังได้รับความยินยอมจากโจทก์ด้วย การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยยื่นคำแถลงขอนำรถไถนาไปรักษาเองเพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ จึงหาเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดและคำแถลงขอรักษารถไถนาของจำเลยมานั้น ศาลฏีกาเห็นพ้องด้วย ฏีกาจำเลยทรัพย์ที่ยึดและคำแถลงขอรักษารถไถนาของจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฏีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฏีกาแทนโจทก์ ๕๐๐ บาท

Share