คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาของจำเลยที่กล่าวแต่เพียงว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อนทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยมิได้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงให้เห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์คลาดเคลื่อนในข้อใด เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำแถลงการณ์ประกอบฎีกาที่จำเลยยื่นต่อศาลฎีกา มิใช่ส่วนหนึ่งของฎีกา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี, ๓๗๑, ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี จำคุกคนละ ๒๐ ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๑๓ ปี ๔ เดือน ของกลางริบ
จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง, ๓๔๐ ตรี ประกอบด้วย มาตรา ๘๓ ส่วนกำหนดโทษและลดโทษให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ฎีกา ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๑
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๓ ฎีกาว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อนทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จำเลยที่ ๓ ขอฎีกาคัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวต่อศาลฎีกา จำเลยจะยื่นคำแถลงการณ์ประกอบฎีกาต่อไปนั้น เห็นว่าฎีกาของจำเลยที่ ๓ เพียงแต่กล่าวว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อนทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเท่านั้น มิได้ระบุว่าข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่อ้างอิงให้เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์คลาดเคลื่อนในข้อใด แม้ต่อมาจำเลยที่ ๓ จะยื่นคำแถลงการณ์ต่อศาลฎีกา แต่คำแถลงการณ์ก็หาได้เป็นส่วนหนึ่งของศาลฎีกาไม่ ฎีกาของจำเลยที่ ๓ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ ๓

Share