คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2023/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2518 มาตรา 19 นั้น ถ้าไม่ได้บรรยายว่าที่เกิดเหตุที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองอยู่ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ย่อมเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องการกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้แม้จะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ไม่ใช่เป็นกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่ประชาชนรู้กันทั่วไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยบังอาจร่วมกันมีไม้หวงห้ามแปรรูปเป็นไม้ตะเคียนทองรวม ๑๙๒ แผ่น ปริมาตร ๙.๑๒ ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตามประกาศลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ และได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.๒๕๐๕ กำหนดให้ไม้ตะเคียนทองเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔๘,๗๓,๗๔,๗๔ จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๕,๑๗,๑๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๗,๑๕,๑๙,๒๘ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.๒๕๐๕ มาตรา ๔ ประกาศกระทรวงเกษตรลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑๖ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ และขอให้ศาลสั่งริบของกลางกับจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ มาตรา ๔๘,๗๓,๗๔,๗๔ จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๕,๑๗,๑๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๗,๑๕ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ.๒๕๐๕ มาตรา ๔ ประกาศกระทรวงเกษตรลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.๒๔๘๔ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑๖ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ ๖ เดือนและปรับคนละ ๕,๐๐๐ บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๓ เดือน และปรับคนละ ๒,๕๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙,๓๐ ริบไม้ของกลาง จ่ายสินบนนำจับกึ่งค่าปรับโดยจ่ายจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามฟ้องมิได้ระบุว่าที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองนั้น อยู่ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้หรือไม่ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง คืนไม้ของกลางให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๑๙ นั้น เขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายมาในฟ้องแต่ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุว่าที่เกิดเหตุที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครอง อยู่ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้แต่อย่างใด แม้ตามฟ้องจะกล่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ โจทก์ก็มิได้ส่งประกาศดังกล่าวมาพร้อมกับฟ้อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าที่เกิดเหตุอยู่ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และแม้จะฟังว่าประกาศดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศของรัฐมนตรีดังกล่าวก็หาใช่เป็นกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่ประชาชนรู้กันทั่วไปไม่ คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายองค์ประกอบความผิดของบทมาตราที่โจทก์ขอให้ลงโทษ เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕) แม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยทั้งสองไม่ได้ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้อง ก็ริบไม้ของกลางไม่ได้
พิพากษายืน

Share