คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม้สักของกลางเป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูป สามารถนำไปใช้ติดตั้งอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ทันที โดยไสกบตบแต่งเพียงเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับวงกบประตูหรือหน้าต่างมีสภาพเป็นของใหม่ยังไม่เคยใช้มาก่อน ทำไว้แน่น เป็นการแสดงเจตนาว่าจะนำไปใช้เป็นบานประตูหน้าต่างโดยเฉพาะ จึงมิใช่ไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แม้จำเลยมีไว้ในความครอบครองก็ไม่มีความผิด และไม่จำต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลยมีไว้ในความครอบครองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี เพราะมิใช่เป็นไม้ที่เคยอยู่ในสภาพที่เป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้มาก่อนแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีไม้สักแปรรูปอันเป็นไม้ห่วงห้ามประเภท ก. ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕ จำนวน ๘๘ บาน ซึ่งแปรรูปเป็นบานประตูหน้าต่างแล้วไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้ ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ไม้สักของกลางเป็นเครื่องใช้สำหรับปลูกสร้าง มิใช่เป็นไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ไม้สักของกลางเป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูป สามารถนำไปใช้ติดตั้งอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างได้ทันที โดยไสกบตบแต่งเพียงเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับวงกบประตูหรือหน้าต่างมีสภาพเป็นของใหม่ยังไม่เคยใช้มาก่อน โดยสภาพทำไว้แน่นและวินิจฉัยว่าเมื่อตามสภาพเป็นบานประตูหน้าต่างสำเร็จรูป ซึ่งการแสดงเจตนาว่าจะนำไปใช้เป็นบานประตูหน้าต่างโดยเฉพาะ ฉะนั้น จึงมีสภาพเป็นเครื่องใช้สำหรับติดตั้งกับอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งมิใช่ไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๔ ฯลฯ เมื่อฟังว่าไม้สักของกลางมิใช่ไม้แปรรูป และจำเลยมีไว้ในความครอบครองก็ไม่มีความผิดตามกฎหมายดังกล่าว จำเลยไม่จำต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลยมีไว้ในความครอบครองมีสภาพเป็นบานประตูหน้าต่างอยู่ตลอดเวลามาแล้วไม่น้อยกว่า ๕ ปี จำเลยจะต้องพิสูจน์ก็ต่อเมื่อเป็นไม้ที่เคยอยู่ในสภาพที่เป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเคยอยู่ในสภาพเป็นเครื่องใช้มาก่อนแล้วเท่านั้น
พิพากษายืน

Share