คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันใช้ขวานเป็นอาวุธ ฟันทำร้าย อ. ถูกตามบริเวณร่างกายหลายที จนเป็นเหตุให้ อ.ได้รับอันตรายแก่กาย ดังนี้ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ดีแล้วว่าจำเลยทำร้ายผู้อื่น เป็นการกระทำโดยเจตนา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๑๘ เวลากลางคือหลังเที่ยงจำเลยได้ร่วมกันใช้ขวานเป็นอาวุธฟันทำร้ายนายอำนาจ เสนานคร ได้รับอันตรายแก่กาย ปรากฏตามรายงานการชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕,๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกระทำโดยเจตนาหรือกระทำโดยประมาท เป็นฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษากลับว่าจำเลยทั้งสองมีคามผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕,๘๓ จำคุกคนละ ๒ ปี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันใช้ขวานเป็นอาวุธ ฟังทำร้ายนายอำนาจ เสนานคร ถูกตามบริเวณร่างกายหลายที จนเป็นเหตุให้นายอำนาจ เสนานครได้รับอันตรายแก่กาย เห็นว่า ข้อความดังกล่าวย่อมเป็นที่เข้าใจได้ดีแล้วว่าจำเลยทำร้ายผู้อื่น เป็นการกระทำโดยเจตนา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว
ส่วนปัญหาว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วว่า ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้าย พิพากษายืน

Share