คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่ผู้ตายนั่งรับประทานกาแฟอยู่กับ ช. ในร้านของ ท. จำเลยเข้าไปในร้าน ชวนผู้ตายไปนั่งคุยด้วย จำเลยสั่งสุรา ท. ไม่ขายให้เพราะเห็นว่าจำเลยเมาสุราแล้ว จำเลยส่งเสียงเอะอะ ผู้ตายห้ามจำเลยและบอกให้กลับบ้าน จำเลยไม่เชื่อฟัง ผู้ตายจึงถีบจำเลยกระเด็นไปนอกร้านล้มลง ผู้ตายตามออกไปจับจำเลยลุกขึ้นและชกจำเลย ช. ออกไปห้าม ผู้ตายกลับเข้ามาในร้าน จำเลยตามผู้ตายไป ผู้ตายชกจำเลยออกไปนอกร้านอีก ช. ออกไปห้ามอีก ผู้ตายกลับเข้ามานั่งในร้าน ทันใดจำเลยซึ่งยืนอยู่นอกร้านได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด ดังนี้ ถือว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะที่ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบท หลายกระทง คือ
ก. เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๑๘ เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยมีอาวุธปืนพกรุปร่างคล้ายไฟแช็ค ซึ่งมีเครื่องลั่นไกสำหรับส่งกระสุนปืนขนาด .๒๒ แม็กนั่ม ใช้ยิงได้จำนวน ๑ กระบอก ไม่มีหมายเลขทะเบียนและกระสุนปืนขนาด .๒๒ แม็กน่ำ จำนวน ๓ นัด ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ข. ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายอนันต์ โพธิ์ทอง ๒ นัด โดยเจตนาฆ่าให้ตาย นายอนันต์ โพธิ์ทอง ได้ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย
เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยอาวุธปืน กระสุนปืน และปลอกกระสุนปืนที่ใช้ยิงนายอนันต์ โพธิ์ทอง เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๗๑, ๓๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๓ และริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ผู้ตายกับพวกอีกคนหนึ่งเป็นคนร้ายชิงทรัพย์จำเลย จำเลยต่อสู้ ผู้ตายใช้มีดแทง จำเลยจึงใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์ ข้อหาฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และพกพาอาวุธปืนในทางสาธารณะ ขอรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๗๑ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๓ ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา ๒๘๘ จำคุก ๒๐ ปี ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำคุก ๖ เดือน และฐานพกพาอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ปรับ ๘๐ บาท ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นจำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ จำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน และลดรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรกึ่งหนึ่ง จำคุก ๓ เดือน ปรับ ๔๐ บาท รวมโทษจำคุก ๑๓ ปี ๗ เดือน ปรับ ๔๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้างแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงยิงผู้ตายเพราะบันดาลโทสะ พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๗๒ จำคุกจำเลย ๙ ปี ชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ ปี นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะที่ผู้ตายนั่งรับประทานกาแฟอยู่กับนายชนินทร์ และนายสุขในร้านนางทองคำ จำเลยเข้าไปในร้าน ชวนผู้ตายไปนั่งคุยกับจำเลย จำเลยสั่งสุรา นางทองคำเข้าของร้านไม่ขายให้ เพราะเห็นว่าจำเลยเมาสุราแล้ว จำเลยส่งเสียงเอะอะว่า “ไม่มีเงินให้หรืออย่างไร” ผู้ตายห้ามจำเลยและบอกให้กลับบ้าน จำเลยไม่เชื่อฟังและไม่ยอมกลับ ผู้ตายจึงถีบจำเลยกระเด็นไปนอกร้านล้มลง ผู้ตายตามออกไปจับจำเลยลุกขึ้นและชกจำเลย นายชนินทร์ออกไปห้าม ผู้ตายกลับเข้าไปในร้าน จำเลยตามผู้ตายไป ผู้ตายชกจำเลยออกไปนอกร้านอีก ผู้ตายชกจำเลยแต่ฝ่ายเดียว นายชนินทร์ออกไปห้าม ผู้ตายกลับเข้าไปนั่งในร้าน ทันใดผู้ตายซึ่งยืนอยู่นอกร้านตรงหน้าต่าง ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ๒ นัด ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ ตามพฤติการณ์ที่จำเลยเมาสุรา ส่งเสียงเอะอะ ผู้ตายห้ามและให้จำเลยกลับบ้าน จำเลยไม่เชื่อฟัง ผู้ตายก็ไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะชกจำเลย ผู้ตายชกจำเลยแล้วกลับเข้าไปในร้าน จำเลยตามผู้ตายไป และถูกผู้ตายชกอีก โดยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยประสงค์ที่จะต่อสู้กับผู้ตาย ผู้ตายชกจำเลยแต่ฝ่ายเดียวทั้งสองครั้ง กรณีไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กับผู้ตาย อันจะอ้างว่ากระทำโดยบันดาลโทสะไม่ได้ ผู้ตายชกจำเลยก่อน จำเลยมิได้ต่อสู้ มีผู้มาห้าม ผู้ตายกลับไปนั่งในร้านนางทองคำ จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในทันทีนั้นเอง ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะที่ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
พิพากษายืน

Share