แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กฎหมายลักษณะมรดก บทที่ 12 บัญญัติให้บุตรบุญธรรมมีสิทธิได้รับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมในภาคญาติ แต่ต่อมามีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะมรดก ร.ศ. 121 บัญญัติให้ญาติของผู้มรณภาพตามที่กำหนดไว้เป็นชั้น ๆ ได้รับมรดกในภาคญาติ แต่สำหรับบุตรบุญธรรมไม่ได้กำหนดไว้ บุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่านับแต่ ร.ศ. 121 เป็นต้นมา จึงไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรม ต่อมาเมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 และ 6 แล้ว บุตรบุญธรรมในบทบัญญัติมาตรา 1586 และ 1627 ก็หมายความเฉพาะบุตรบุญธรรมที่จดทะเบียนตามมาตรา 1585 เท่านั้น มิได้รวมถึงบุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่าซึ่งใช้อยู่ก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ด้วย เพราะพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 4 บัญญัติไว้ว่า “บทบัญญัติแห่งบรรพนี้ไม่กระทบกระเทือนถึง…………(2) การรับบุตรบุญธรรมซึ่งมีอยู่ก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายบรรพนี้ หรือสิทธิและหนี้อันเกิดแต่การนั้น ๆ” ซึ่งมีความหมายว่า สิทธิและหน้าที่ของบุตรบุญธรรมมีอยู่ตามกฎหมายเก่าอย่างไร เมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ใช้บังคับแล้วก็คงมีอยู่อย่างนั้น ดังนั้น บุตรบุญธรรมของเจ้ามรดกตามกฎหมายเก่าและมิได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2519)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  โจทก์เป็นบุตรบุญธรรมโดยชอบด้วยกฎหมายของนางเหม  แก้วประดิษฐ์  ตั้งแต่โจทก์เกิดมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓  จำเลยเป็นน้องของนางเหม  นางเหมถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๑๕  โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของนางเหมคือที่ดินโฉนดที่ ๑๑๘๔๗ อำเภอสามพราน  จังหวัดนครปฐม  และบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงที่โจทก์ไปยื่นขอรับมรดกที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว  จำเลยไปคัดค้าน  ขอให้บังคับจำเลยถอนคำคัดค้านดังกล่าว  และพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิรับมรดกของนางเหมในฐานะเป็นทายาท  ไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า  โจทก์ไม่ได้เป็นบุตรบุญธรรมโดยชอบด้วยกฎหมายของนางเหม  แก้วประดิษฐ์  และแม้จะฟังว่าเป็นบุตรบุญธรรม  โจทก์ก็ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะรับมรดกของนางเหม  จำเลยเป็นทายาทนางเหมในฐานะพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน  ขอให้บังคับโจทก์ส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๘๔๗  คืนให้จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า  โจทก์เป็นบุตรบุญธรรมของนางเหมโดยชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่แรกเกิด  โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๘๔๗  นี้  นางเหมได้มอบให้แก่โจทก์ไว้นานแล้ว  เพราะมีเจตนายกให้โจทก์  แต่ยังมิได้โอนแก้ไขทางทะเบียน  จำเลยไม่มีสิทธิเรียกไป
วันนัดสืบพยานโจทก์  คู่ความรับกันในเรื่องทรัพย์มรดก  และโจทก์ว่าโจทก์เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้ามรดกตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๓  และเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว  เจ้ามรดกก็มิได้จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม  จำเลยเป็นน้องของเจ้ามรดก  เจ้ามรดกไม่มีทายาทอื่น  โฉนดที่พิพาทอยู่ที่โจทก์  ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีเป็นประเด็นหารือบท ไม่จำต้องสืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า  ตามกฎหมายเก่าบุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรม  โจทก์จึงไม่มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดก  พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์  และให้โจทก์ส่งมอบโฉนดเลขที่ ๑๑๘๔๗ ให้จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่า  กฎหมายลักษณะมรดก  บทที่ ๑๒  บัญญัติให้บุตรบุญธรรมมีสิทธิได้รับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมในภาคญาติ  แต่ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะมรดก  ร.ศ. ๑๒๑  บัญญัติให้ญาติของผู้มรภาพตามที่กำหนดไว้เป็นชั้น ๆ ในพระราชบัญญัตินั้นได้รับมรดกในภาคญาติ  แต่สำหรับบุตรบุญธรรมไม่ได้กำหนดไว้  ดังนั้น  ตามกฎหมายเก่านับแต่ ร.ศ. ๑๒๑ เป็นต้นมา  บุตรบุญธรรมจึงไม่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรม  ต่อมาเมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ และ ๖  แล้ว  แม้จะมีมาตรา ๑๕๘๖  บัญญัติว่า  “บุตรบุญธรรมย่อมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรม  ฯลฯ”  และมาตรา ๑๖๒๗  บัญญัติไว้ด้วยว่า  “……………….บุตรบุญธรรม  ให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายนี้”  ก็ตาม  บุตรบุญธรรมในบทบัญญัติดังกล่าวก็หมายความเฉพาะบุตรบุญธรรมที่จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมตามมาตรา ๑๕๘๕  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มิได้รวมถึงบุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่าซึ่งใช้อยู่ก่อนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ด้วย  เพราะพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ ๕  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. ๒๔๗๗  มาตรา ๔  บัญญัติไว้ว่า  “บทบัญญัติแห่งบรรพนี้  ไม่กระทบกระเทือนถึง………..(๒)…………….การรับบุตรบุญธรรมซึ่งมีอยู่ก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายบรรพนี้  หรือสิทธิและหนี้อันเกิดแก่การนั้น ๆ ”  ซึ่งมีความหมายว่า  สิทธิและหน้าที่ของบุตรบุญธรรมมีอยู่ตามกฎหมายอย่างไร  เมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใช้บังคับแล้ว  ก็คงมีอยู่อย่างนั้น  ดังนั้น  โจทก์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้ามรดกตามกฎหมายเก่า  และมิได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๘๕  จึงไม่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรมซึ่งถึงแก่กรรมหลังจากที่ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  บรรพ ๕ แล้ว
พิพากษายืน

