คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผ. แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนระบุว่า ถ. เป็นผู้ทำร้ายตน อันมิใช่ความผิดลหุโทษ ฐานะของ ถ. ขณะนั้นจึงเป็นผู้ต้องหาหรือผู้กระทำผิดแล้ว ต่อมาก่อน ถ. ถูกจับกุม จำเลยได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าตนเป็นผู้ทำร้าย ผ. เพื่อแสดงว่า ถ. ไม่ใช่เป็นผู้ทำร้าย ดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเพื่อไม่ให้ ถ. ต้องโทษ โดยช่วย ถ. ผู้กระทำผิดหรือต้องหาว่ากระทำผิด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ เวลากลางวัน นายถาวร วรรณรัตน์ ได้ใช้ขวดตีทำร้ายร่างกายนายผดุง ภูดารัตน์ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย อันมิใช่ความผิดลหุโทษ ตามเวลาดังกล่าว จำเลยเพื่อมิให้นายถาวรผู้กระทำผิดต้องรับโทษและเพื่อมิให้ถูกจับกุม บังอาจเข้าแจ้งต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอกระนวน โดยรับว่าจำเลยเป็นคนใช้ขวดตีทำร้ายนายผดุงเอง มิใช่นายถาวรเป็นคนทำร้าย ทั้งที่จำเลยมิได้เป็นคนทำร้ายหรือมีส่วนร่วมทำร้ายนายผดุงแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวเป็นการเข้ารับแทนนายถาวรซึ่งกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย เป็นการช่วยเหลือนายถาวรเพื่อไม่ให้ต้องรับโทษและเพื่อมิให้ถูกจับกุม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาคดีนี้เข้ากับสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ๑๐๖/๒๕๑๘ ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทก์ฟ้องนายถาวรฐานทำร้ายร่างกายนายผดุงแล้วพิพากษาลงโทษนายถาวรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ และลงโทษจำเลยคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ จำคุกนายถาวรและจำเลยคดีนี้คนละ ๒ เดือน
นายถาวรและจำเลยคดีนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้รอการลงโทษนายถาวรไว้มีกำหนด ๒ ปี ส่วนจำเลยคดีนี้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยคดีนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายถาวรเป็นผู้กระทำร้ายผู้เสียหาย มิใช่จำเลยนี้เป็นผู้กระทำไม่ และวินิจฉัยว่า การที่จำเลยแจ้งต่อร้อยตำรวจเอกประศักดิ์ มุสิกเจริญ พนักงานสอบสวนว่าตนเป็นผู้ทำร้ายนายผดุง ภูดารัตน์เองนั้น ก็เพื่อแสดงว่านายถาวร วรรณรัตน์ ไม่ใช่เป็นผู้กระทำผิดทำร้ายนายผดุงนั่นเอง การที่จำเลยออกรับเสียเองเช่นนี้ จำเลยกระทำหลังจากนายผดุงได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนระบุว่า นายถาวร วรรณรัตน์ เป็นผู้ทำร้ายตน อันมิใช่ความผิดลหุโทษ ฐานะนายถาวร วรรณรัตน์ ขณะนั้นจึงเป็นผู้ต้องหาหรือผู้กระทำผิดแล้ว และเป็นการกระทำก่อนนายถาวร วรรณรัตน์ ถูกจับกุม การกระทำของจำเลยเช่นนี้เห็นได้ว่ามีเจตนาเพื่อไม่ให้นายถาวรต้องโทษ โดยช่วยนายถาวร วรรณรัตน์ ผู้กระทำผิดหรือต้องหาว่ากระทำผิดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ จำเลยจึงต้องมีความผิดตามบทมาตรานี้ดังโจทก์ฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

Share