คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วแลกเงิน 4 ฉบับซึ่งจำเลยเป็นผู้รับรองโดยกล่าวในฟ้องว่า มูลค่าของตั๋วแต่ละฉบับคือมูลค่าของสินค้าซึ่งจำเลยสั่งซื้อและรับไปจากโจทก์แล้ว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่ามูลหนี้ตามตั๋วที่โจทก์ฟ้องเกิดจากสัญญาซื้อขายเหล็กเส้นที่จำเลยซื้อจากโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงจำต้องยับยั้งการจ่ายเงินตามตั๋ว และการผิดสัญญาซึ่งเป็นมูลหนี้ของตั๋วเหล่านี้เป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย จึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายดังนี้ฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงิน ๔ ฉบับ โดยสั่งจำเลยซึ่งมีภูมิลำเนาในประเทศไทยให้ใช้เงินตามตั๋วทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าวให้แก่ตัวโจทก์เองหรือตามคำสั่งของโจทก์ในกำหนดเวลา ๑๘๐ วันนับแต่วันที่ได้เห็นตั๋วแต่ละฉบับ ซึ่งมูลค่าของตั๋วแต่ละฉบับนั้นคือมูลค่าของสินค้าซึ่งจำเลยได้สั่งซื้อและได้รับจากโจทก์แล้ว โจทก์ได้มอบหมายให้ธนาคารบาร์เคลย์ประเทศอังกฤษ เป็นผู้เรียกเก็บเงินจากจำเลย ธนาคารบาร์เคลย์มอบให้ธนาคารศรีนคร จำกัด ประเทศไทย เรียกเก็บเงินแทนจำเลยได้ปฏิเสธการให้เงินตามตั๋วทั้ง ๔ ฉบับ อัตราแลกเปลี่ยนในวันฟ้อง ๑ ปอนด์สเตอร์ลิงต่อ ๔๘.๐๐ บาท เป็นเงินไทย ๑๒๗,๐๗๐.๘๘ บาท รวมกับดอกเบี้ยดังกล่าวข้างต้นของเงินตามตั๋วทั้ง ๔ ฉบับแล้วเป็นเงินที่จำเลยจะต้องใช้ให้โจทก์ ๑๔๗,๓๖๑.๙๒ บาท จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์พร้อมกับเสียดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า มูลหนี้ตามตั๋วแลกเงิน ๔ ฉบับนี้เกิดจากสัญญาซื้อขายเหล็กเส้นหกเหลี่ยมที่จำเลยสั่งซื้อจากโจทก์ตามสัญญา ๔ ฉบับ ซึ่งตามสัญญาดังกล่าวโจทก์จะต้องจัดส่งเหล็กเส้นหกเหลี่ยมขายให้จำเลยจำนวน ๑๔๐ ตัน ตามราคาในสัญญาโจทก์ได้ผิดสัญญาซื้อขายทั้ง ๔ ฉบับ โดยโจทก์ได้จัดส่งเหล็กเส้นที่ตกลงขายให้จำเลยมาให้เพียงประมาณ ๕๘.๘๒๙ ตัน ทำให้จำเลยเสียหายขาดผลกำไรที่ควรได้ และต้องผิดสัญญาขายต่อกับลูกค้าในประเทศไทยขอให้ยกฟ้องและขอฟ้องแย้งให้ศาลบังคับให้โจทก์ชำระเงิน ๑๓๖,๓๓๐.๒๘ บาท ให้จำเลยพร้อมทั้งดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะคำให้การของจำเลย ส่วนเรื่องฟ้องแย้งศาลชั้นต้นเห็นว่าการผิดสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นคนละเรื่อง ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมเรื่องตั๋วเงินจึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ขอให้รับฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณานอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วแลกเงิน ๔ ฉบับซึ่งจำเลยเป็นผู้รับรองโจทก์กล่าวในฟ้องว่ามูลค่าของตั๋วแต่ละฉบับนั้นคือมูลค่าของสินค้าซึ่งจำเลยได้สั่งซื้อและรับไปจากโจทก์แล้ว จำเลยให้การและฟ้องแย้งความว่า มูลหนี้ตามตั๋วแลกเงินที่โจทก์ฟ้องเกิดจากสัญญา ๔ ฉบับ เป็นสัญญาซื้อขายเหล็กเส้นที่จำเลยซื้อจากโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจำเลยจึงจำต้องยับยั้งการจ่ายเงินตามตั๋ว และการผิดสัญญาซึ่งเป็นมูลหนี้ของตั๋วเหล่านี้เองเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจากโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
พิพากษายืน

Share