คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองและ อ.เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม แต่อ.เป็นสามีจำเลยและมาเป็นพยานจำเลยซึ่งแสดงให้เห็นว่า อ.ไม่ต้องการฟ้องจำเลย ดังนี้ โจทก์ทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยให้โอนทรัพย์พิพาทกลับคืนแก่กองมรดกเพื่อจัดแบ่งให้เป็นไปตามพินัยกรรมได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1715 วรรคสอง (อ้างฎีกาที่ 1674/2516)
เมื่อเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้และตั้งผู้จัดการมรดกไว้ในพินัยกรรมด้วยการแบ่งมรดกของผู้ตายแก่ทายาทจะ ต้องกระทำโดยผู้จัดการมรดก และผู้จัดการมรดกก็จะต้องจัดการแบ่งมรดกตามที่ผู้ตายได้ระบุไว้ในพินัยกรรมด้วย ถ้าการแบ่งมรดกแก่ทายาทมิได้เป็นการแบ่งโดยผู้จัดการมรดกและเป็นการแบ่งที่มิได้เป็นไปตามพินัยกรรม แม้เจ้าพนักงานที่ดินจะจดทะเบียนลงชื่อจำเลยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดกที่พิพาทแล้ว โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกก็ยังฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนเสียได้ จำเลยต้องคืนให้แก่ผู้จัดการมรดกเพื่อจะนำไปจัดการแบ่งมรดกให้เป็นไปตามพินัยกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านางสิงห์ นางกราย กลิ่นสมุทร เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน ๙ คน นายสิงห์ได้เขียนคำสั่งเป็นหนังสือลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๐๙ ยกทรัพย์ให้แก่บุตรและตั้งผู้จัดการมรดกไว้ ๓ คน นายสิงห์ได้ถึงแก่กรรมนางกรายภริยาไม่เข้าใจว่าคำสั่งของนายสิงห์ที่เขียนไว้เป็นพินัยกรรม แต่ก็ประสงค์จะยกทรัพย์ให้แก่บุตร ต่อมาบุตร ๔ คนคือนางประสานสุข นางประสิทธิ์ศรี นางสาวทิพยวรรณและจำเลย ได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดระยองขอรับมรดกที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ เนื้อที่ประมาณ ๖๔ วา เจ้าพนักงานได้จัดการโอนใส่ชื่อให้แก่บุคคลทั้งสี่แล้ว โดยจำเลยได้รับโอนที่ดินไปเฉพาะส่วนมีเนื้อที่ประมาณ ๑๖ ตารางวา ต่อมาได้มีการพิจารณาคำสั่งของนายสิงห์ที่เขียนไว้นั้นว่าเป็นพินัยกรรมหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเป็นพินัยกรรมนายอัมพรและโจทก์ทั้งสองได้ร่วมกันร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดก ศาลจังหวัดระยองได้มีคำสั่งตั้งบุคคลทั้งสามเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกเห็นว่าที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๔๓ เป็นทรัพย์มรดกของนางสิงห์ แต่ที่ได้จัดการแบ่งปันให้แก่นางประสานสุข นางประสิทธิ์ศรี นางสาวทิพยวรรณและจำเลยไปนั้นไม่ตรงกับคำสั่งของเจ้ามรดก จึงได้แจ้งให้บุคคลที่รับโอนไปดังกล่าวทราบ และขอให้โอนกลับคืนแก่กองมรดกเพื่อจัดแบ่งให้เป็นไปตามพินัยกรรม ผู้รับโอนทุกคนยินยอม เว้นแต่จำเลยผู้เดียวไม่ยอมโอนคืนให้ ขอศาลพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๔๓ ดังกล่าวเฉพาะส่วนเนื้อที่ประมาณ ๑๖ ตารางวาพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างคืนให้แก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสิงห์ ฯลฯ
จำเลยให้การว่า ก่อนแบ่งกันได้มีการตกลงยินยอมกันในระหว่างทายาทของนายสิงห์แล้ว ผู้จัดการมรดกจึงไม่มีสิทธินำเอาทรัพย์ที่ทายาทได้ตกลงแบ่งกันโดยชอบมาแบ่งอีก การฟ้องคดีนี้นายอัมพรผู้จัดการมรดกอีกคนหนึ่งมิรู้เห็นเกี่ยวกับข้อที่โจทก์กล่าวอ้างในคดีนี้ จึงยังไม่มีเสียงข้างมากของผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจัดการโอนที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ เฉพาะส่วนของจำเลยพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างคืนให้แก่กองมรดกของนางสิงห์ หากจำเลยไม่จัดการ ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ในข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะนายอัมพรผู้จัดการมรดกอีกคนหนึ่งไม่ได้เป็นโจทก์ฟ้องด้วยนั้น ได้ความว่าโจทก์ทั้งสองและนายอัมพรเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม และนายอัมพรเป็นสามีจำเลย นายอัมพรได้มาเบิกความเป็นพยานจำเลยด้วยแต่ไม่ได้เบิกความว่าตนไม่ได้ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยนี้ด้วยเพราะ เหตุใด ได้ความจากจำเลยว่าขณะที่จำเลยเบิกความนั้นจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลถอนโจทก์ทั้งสองออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์และทายาทอื่น ๆ นอกจากจำเลยก็ได้ฟ้องขอให้ศาลถอนนายอัมพรสามีจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์ ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่านายอัมพรผู้จัดการมรดกร่วมอีกคนหนึ่งไม่ได้ร่วมเป็นโจทก์ด้วย เพราะเป็นสามีจำเลยและเป็นพยานจำเลยซึ่งแสดงให้เห็นว่านายอัมพรไม่ต้องการฟ้องจำเลย ดังนี้โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๑๕ วรรคสอง ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๗๔/๒๕๑๖
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายสิงห์ นางกรายเป็นสามีภริยากัน หลังจากนายสิงห์ถึงแก่กรรมแล้ว นางกรายได้แบ่งทรัพย์ให้แก่บุตร ต่อมาปรากฏว่านายสิงห์เจ้ามรดกได้ทำคำสั่งเป็นพินัยกรรมไว้ว่าให้นายอัมพรและโจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกและ ให้แบ่งที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ และ ๖๙ ซึ่งอยู่ในเขตเทศบาลคิดทำห้องแถว ๙ ห้อง โดยให้จับสลากแบ่งกันคนละห้อง ฯลฯ เมื่อการที่นางกรายได้แบ่งทรัพย์ให้แก่ทายาทไปก่อนแล้วนั้นไม่เป็นไปตามพินัยกรรม ต่อมาเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๑๒ จึงได้มีการจับสลากแบ่งทรัพย์กันใหม่การจับสลากแบ่งทรัพย์มรดกครั้งนี้ จำเลยได้รับส่วนแบ่งที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ (แปลงพิพาท) ร่วมกับนางประสานสุข นางประสิทธิ์ศรี และนางสาวทิพยวรรณ จำเลยและบุคคลดังกล่าวได้รับโอนที่ดินโฉนดนี้ไปแล้วแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๑๒ ต่อมานายอัมพรและโจทก์ทั้งสองได้ร่วมกันร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ศาลจังหวัดระยองได้มีคำสั่งให้บุคคลทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของนายสิงห์ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๓
ในปัญหาที่ว่าจำเลยต้องคืนที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ ซึ่งจำเลยมีส่วนถือกรรมสิทธิ์อยู่ในการจับสลากแบ่งมรดกได้เพื่อให้ผู้จัดการมรดกไปจัดการแบ่งมรดกตามพินัยกรรม ตามฟ้องหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพินัยกรรมของนายสิงห์ได้สั่งว่าที่ดินในเขตเทศบาลสองแปลง (คือโฉนดเลขที่ ๒๔๓ และ ๖๙) ให้ทำห้องแถว เมื่อนายสิงห์ตายแล้วให้บุตรแบ่งกันคนละห้องจับสลากเรียงเลข ๑-๙ นับแต่ขวามือไปทางซ้ายมือ ใครได้เลขอะไรก็ให้เป็นของคนนั้น และได้ทำแผนผังโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๔๓ สำหรับปลูกห้องแถว ๖ ห้อง และทำแผนผังที่ดิน ๖๙ สำหรับปลูกห้องแถว ๓ ห้อง และได้ระบุไว้ว่าที่ดินส่วนที่อยู่นอกเขตให้จัดการขายเอาเงินมาหารายได้ให้น้อง ๆ เรียนจนจบอุดมศึกษาหรือแล้วแต่จะเรียนได้ เงินที่เหลือจากน้อง ๆ เรียนจบแล้วก็ให้เฉลี่ยปันกัน ให้มีผู้จัดการมรดกจัดการตามนี้ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่านายสิงห์เจ้ามรดกมีเจตนาที่จะให้บุตร ๙ คนของนายสิงห์ได้ที่ดินในโฉนดที่ ๒๔๓ และ ๖๙ ทำห้องแถว ๙ ห้อง และให้บุตรได้แบ่งห้องแถวที่สร้างขึ้นนั้นโดยการจับสลากแบ่งกันคนละห้อง เมื่อนายสิงห์เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้และตั้งผู้จัดการมรดกไว้ในพินัยกรรมด้วย การแบ่งมรดกของนายสิงห์เจ้ามรดกแก่ทายาทจะต้องกระทำโดยผู้จัดการมรดก และผู้จัดการมรดกจะต้องจัดการแบ่งมรดกตามที่นายสิงห์เจ้ามรดกได้ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่การแบ่งมรดกรายนี้ นอกจากมิได้เป็นการแบ่งโดยผู้จัดการมรดกแล้ว ก็ยังมิได้แบ่งให้เป็นไปตามข้อกำหนดใน พินัยกรรมของเจ้ามรดกอีกด้วย กล่าวคือ ตามข้อกำหนดในพินัยกรรมและเอกสารที่เจ้ามรดกให้ปลูกห้องแถวในที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ รวม ๖ ห้อง และในที่ดินโฉนดที่ ๖๙ รวม ๓ ห้อง รวมทั้งหมด ๙ ห้อง แล้วให้แบ่งให้แก่บุตรทั้ง ๙ คนคนละ ๑ ห้อง โดยวิธีจับสลากแต่กลับแบ่งที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ ออกเป็น ๔ ส่วนกับที่ดินโฉนดที่ ๖๙ และที่ดินอีกแปลงหนึ่งโฉนดที่ ๘๐๘ แบ่งเป็น ๕ ส่วน รวมเป็น ๙ ส่วน แล้วจับสลากกัน การแบ่งดังกล่าวขัดกับข้อกำหนดในพินัยกรรม การแบ่งมรดกรายนี้จึงเป็นการแบ่งที่มิได้เป็นไปตามพินัยกรรม มิชอบด้วยกฎหมาย แม้เจ้าพนักงานที่ดินจะจดทะเบียนลงชื่อจำเลยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ แล้ว โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกก็ยังฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนเสียได้ จำเลยต้องคืนที่ดินโฉนดที่ ๒๔๓ ส่วนที่จำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วนั้นแก่ผู้จัดการมรดก เพื่อจะนำไปจัดการแบ่งมรดกให้เป็นไปตามพินัยกรรม
พิพากษายืน

Share