คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2243/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยเจตนาจะซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนจำนวนเนื้อที่ 35 เศษหนึ่งส่วนสามตารางวาต่อกัน แต่โจทก์ได้ทำนิติกรรมขายที่ดินให้จำเลยไป 88 เศษหนึ่งส่วนสามตารางวา โดยเชื่อว่าเจ้าพนักงานที่ดินได้ปฏิบัติไปถูกต้องแล้ว ถือว่าเป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรมนิติกรรมจึงตกเป็นโมฆะ แต่เมื่อตามพฤติการณ์แห่งกรณีเห็นได้ชัดว่า โจทก์จำเลยมีเจตนาจะซื้อขายที่ดินจำนวนเนื้อที่ 35 เศษหนึ่งส่วนสามตารางวา การซื้อขายที่ดินในส่วนนี้จึงสมบูรณ์ แยกออกหากจากที่ดินจำนวนเนื้อที่ 53 ตารางวาของโจทก์ ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่สมบูรณ์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยตกลงกันทำการซื้อขายที่ดินส่วนที่นางสาวประเทืองขายฝากแก่โจทก์ไว้ เนื้อที่ ๓๕ เศษหนึ่งส่วนสามตารางวา โดยเจ้าพนักงานที่ดินเขียนในโฉนดว่าโจทก์ขายเฉพาะส่วนของตน ซึ่งโจทก์เข้าใจว่าหมายถึงเฉพาะส่วนที่นางสาวประเทืองขายฝากแก่โจทก์ ภายหลังจึงทราบว่ารวมไปถึงส่วนที่โจทก์รับโอนจากนายถนอม เนื้อที่ ๕๓ ตารางวาด้วย โจทก์เห็นว่าเป็นการเขียนโดยความผิดหลงของเจ้าพนักงานที่ดิน จึงขอให้จำเลยจัดการแก้ไข แต่จำเลยไม่ยอม สามีโจทก์จึงบอกล้างสัญญาซื้อขายไป ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยเฉพาะส่วนซึ่งเกี่ยวกับที่ดินที่โจทก์รับโอนจากนายถนอมเป็นโมฆะ กับให้จำเลยจัดการแก้ไขจดทะเบียนเสียใหม่
จำเลยให้การว่า การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์เอง ไม่ทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะ การบอกล้างโมฆียะกรรมก็เลยกำหนดอายุความ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และคำขอท้ายฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า สัญญาซื้อขายในส่วนเกี่ยวกับที่ดินซึ่งโจทก์รับโอนมาจากนายถนอมเป็นโมฆะ คงมีผลสมบูรณ์เฉพาะของนางสาวประเทืองที่ขายฝากไว้กับโจทก์เท่านั้น ให้จำเลยจัดการแก้ไขจดทะเบียนให้ถูกต้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เจ้าพนักงานที่ดินมิได้ทราบเรื่องราวว่าโจทก์มีส่วนได้ที่ดินในโฉนดพิพาทอยู่ก่อน ๕๓ ตารางวา และมิได้ตรวจสารบัญจดทะเบียนหลังโฉนดพิพาทให้ละเอียด คิดว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในโฉนดพิพาทเพียง๓๕ เศษหนึ่งส่วนสามตารางวา จึงได้ทำนิติกรรมและจดทะเบียนว่าโจทก์ขายเฉพาะส่วนของโจทก์แก่จำเลย เป็นความหลงผิดของเจ้าพนักงานที่ดินเองจะถือว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อยังไม่ได้ เรื่องราวที่มาทำการซื้อขายกันครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดินของนางสาวประเทืองโดยตลอด ซึ่งโจทก์จำเลยต่างก็เข้าใจว่าเจ้าพนักงานที่ดินคงทำนิติกรรมและจดทะเบียนไปตามนั้นการที่โจทก์ทำนิติกรรมขายที่ดินเฉพาะส่วนให้จำเลยไปตามสัญญาซื้อขายเป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรม จึงตกเป็นโมฆะแต่ตามพฤติการณ์แห่งกรณีเห็นได้ชัดว่า โจทก์จำเลยมีเจตนาจะซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนของนางสาวประเทืองจำนวน ๓๕ เศษหนึ่งส่วนสามตารางวาต่อกัน การซื้อขายที่ดินในส่วนนี้จึงสมบูรณ์และแยกออกหากจากที่ดินจำนวน ๕๓ ตารางวาของโจทก์ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่สมบูรณ์ได้
พิพากษายืน

Share