คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นทางอาญาต่อศาลและศาลได้พิพากษาคดีถึงที่สุดให้ยกฟ้อง เช่นนี้ จะถือว่าเป็นการทำเลมิดต่อโจทก์ก็ต่อเมื่อความปรากฎว่าจำเลยทำไปโดยไม่สุจริตและจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยใช้ศาลเป็นเครื่องกำบัง

ย่อยาว

ได้ความว่าเดิมจำเลยในคดีนี้ได้ฟ้องโจทก์เป็นความอาญาหาว่าเบิกความเท็จแต่ศาลได้พิพากษาว่าข้อความนั้นมิใช้เป็นข้อสำคัญในคดีจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงหวนมาฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายฐานเลมิด ๑๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้โจทก์ ๒๐๐ บาท โดยฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเลมิสิทธิโจทก์ตามป.พ.พ.ม.๔๒๐
ศาลฎีกาตัดสินว่าการที่จำเลยฟ้องโจทก์ต่อศาลนั้นตามปกติย่อมถือว่าเป็นการกระทำโดยชอบเพราะเป็นการใช้สิทธิของตนทางศาลอันเป็นสิ่งที่กฎหมายอนุญาตการใช้สิทธิเช่นนี้ไม่เป็นการผิดกฎหมายอย่างใด เว้นแต่จะปรากฏว่าจำเลยทำไปโดยไม่สุจริตมิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล หากแต่จงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยใช้ศาลเป็นเครื่องกำบัง ฉะเพาะคดีนี้ก็มิปรากฏว่าจำเลยรู้แล้วว่าคำเบิกความของโจทก์ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีแล้วยังฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จการที่จำเลยฟ้องโจทก์ในคดีก่อนเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ไม่เป็นผิดกฎหมายไม่เข้าประมวลแพ่ง ฯ มาตรา ๕๒๐ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share