คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการของบริษัทจำกัด จำเลยที่3จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการเป็นคนไม่มีหลักฐานอย่างใดการดำเนินการขอใช้กระแสไฟฟ้าของโจทก์ในกิจการของบริษัทจำเลยที่ 3 นั้น จำเลยที่ 2 เป็นผู้ไปติดต่อเมื่อโจทก์ทวงถามค่ากระแสไฟฟ้าที่ค้างชำระจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้วหลบหนีไปเสีย จำเลยที่ 2 ไปติดต่อกับโจทก์ว่าทรัพย์สินของบริษัทไม่มีอะไร จำเลยที่ 2 รับรองว่าจะชดใช้ค่ากระแสไฟฟ้าที่ติดค้างให้โจทก์ขอให้โจทก์จ่ายกระแสไฟฟ้าให้ต่อไป และให้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยที่ 2 หากไม่รับรองดังนี้โจทก์ก็คงไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้ต่อไป แต่แล้วจำเลยที่ 2ก็ไม่ชำระค่ากระแสไฟฟ้าให้โจทก์ความผูกพันของจำเลยที่ 2 ที่เข้ารับจะชำระหนี้แทนบริษัทจำเลยที่ 3 ดังกล่าวเป็นไปในลักษณะอันเป็นการส่วนตัวอีก ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าแก่โจทก์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาซื้อกระแสไฟฟ้าจากโจทก์เพื่อใช้ในกิจการของบริษัทจำเลยที่ ๓ แล้วจำเลยไม่จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าให้โจทก์ จำเลยที่ ๑ ทำสัญญารับสภาพหนี้ไว้แล้วก็หลบหนีไป จำเลยที่ ๒ จึงมาเจรจาขอชำระหนี้แทนโดยกระทำการอันหลอกลวงเพื่อให้โจทก์จ่ายกระแสไฟฟ้าให้ต่อไป แล้วก็ไม่ชำระ โจทก์จึงงดจ่ายกระแสไฟฟ้าปรากฏว่าจำเลยคงค้างชำระค่ากระแสไฟฟ้าเป็นเงิน ๕๑๑,๑๐๘ บาท จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ ๒, ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๓ ซื้อกระแสไฟฟ้าจากโจทก์จริง แต่ไม่เคยติดค้างโจทก์ไม่เคยแจ้งให้จำเลยที่ ๒ ชำระหนี้ จำเลยที่ ๒ ไม่เคยรับรองว่าจะจ่ายค่ากระแสไฟฟ้าให้การที่จำเลยที่ ๑ ทำสัญญารับสภาพหนี้เป็นการกระทำในฐานะส่วนตัวของจำเลยที่ ๑ เอง จำเลยอื่นไม่ได้รู้เห็นยินยอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๕๑๑,๑๐๘ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาต่อมาในประเด็นเดียวว่า จำเลยที่ ๒ ในฐานะประธานกรรมการบริษัทจำเลยที่ ๓ ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวต่อโจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ เป็นประธานกรรมการบริษัทจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๑ เป็นกรรมการผู้จัดการเป็นคนไม่มีหลักฐานอย่างใดการดำเนินการขอใช้กระแสไฟฟ้าของโจทก์ในกิจการของบริษัทจำเลยที่ ๓ นั้นจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ไปติดต่อเมื่อโจทก์ทวงถามค่ากระแสไฟฟ้าที่ค้างชำระจำเลยที่ ๑ ก็ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้แล้วหลบหนีไปเสียจำเลยที่ ๒ ไปติดต่อกับโจทก์ว่าทรัพย์สินของบริษัทไม่มีอะไรจำเลยที่ ๒ รับรองว่าจะชดใช้ค่ากระแสไฟฟ้าที่ติดค้างให้โจทก์ ขอให้โจทก์จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าให้ต่อไป และให้ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลยที่ ๒ หากไม่รับรองดังนี้โจทก์ก็คงไม่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้ต่อไป แต่แล้วจำเลยที่ ๒ ก็ไม่ชำระค่ากระแสไฟฟ้าให้โจทก์ความผูกพันของจำเลยที่ ๒ ที่เข้ารับจะชำระหนี้แทนบริษัทจำเลยที่ ๓ ดังกล่าวเป็นไปในลักษณะอันเป็นการส่วนตัวอีกด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ร่วมชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าแก่โจทก์

Share