แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเปลี่ยนตัวกรรมการสมาคมโดยมิได้จดทะเบียนการเปลี่ยนแปลนั้นต่อนายทะเบียน ย่อมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายและต้องถือว่ากรรมการที่ได้จดทะเบียนไว้เดิมยังเป็นกรรมการโดยชอบด้วยกฎหมายตลอดมา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า สมาคมโหรแห่งประเทศไทยเป็นนิติบุคคลเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๑๒ สมาชิกของสมาคมได้เลือกจำเลยบางคนและโจทก์บางคนกับผู้มีชื่อรวม ๑๕ คน เป็นกรรมการประจำ พ.ศ. ๒๕๑๒ กรรมการดังกล่าวได้เลือกจำเลยที่ ๑ เป็นนายกสมาคม ต่อมาจำเลยที่ ๑ ลาออกจากการเป็นกรรมการ คณะกรรมการได้เลือกตั้งโจทก์ที่ ๑ เป็นนายกสมาคมแทน หลังจากนั้นคณะกรรมการได้มีมติให้จำเลยที่ ๑๖ และ ๑๗ ขาดจากสมาชิกภาพ และได้มีการเปลี่ยนตัวกรรมการบางคนต่อมากรรมการคณะของโจทก์ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ โดยโจทก์ที่ ๑ ได้ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมและมีสมาชิกมาประชุมครบองค์ประชุมตามข้อบังคับ จำเลยได้สมคบกันวางแผนโค่นล้มการประชุมใหญ่และเปลี่ยนคณะกรรมการใหม่โดยพลการ โดยจำเลยได้ร่วมกันขัดขวางการประชุมตะโกนไล่โจทก์ที่ ๑ ลงจากที่นั่งประธานอ้างว่าโจทก์ทั้งหมดไม่มีฐานะเป็นกรรมการ เพราะไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อกรรมการต่อนายทะเบียนสมาคม โจทก์ที่ ๑ ไม่ใช่นายกสมาคม ไม่มีอำนาจหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมตามข้อบังคับโจทก์ที่ ๑ ขอร้องให้ที่ประชุมสงบเสียงก็ไม่เป็นผล โจทก์ที่ ๑จึงประกาศปิดประชุม จำเลยที่ ๖ ได้ชวนเชิญสมาชิกให้ประชุมต่อไปโดยเชิญหลวงสุนาวินวิวัฒน์กรรมการที่ถูกต้องที่ปรากฏทางทะเบียนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ เป็นประธานชั่วคราวและได้ดำเนินการออกเสียงเลือกตั้งกรรมการสมาคมประจำปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้แก่จำเลยที่ ๑ ถึง ๑๕ กรรมการได้เลือกตั้งจำเลยที่ ๑ เป็นนายกสมาคมโดยสมาชิกอื่นซึ่งอยู่ต่างจังหวัดไม่ทราบล่วงหน้าเป็นการผิดกฎหมายและข้อบังคับของสมาคมและละเมิดสิทธิของโจทก์จำเลยที่ ๑ – ๑๗ได้เข้าครอบครองสำนักงาน ทรัพย์สิน เอกสารสมุดหนังสือของสมาคมจำเลยที่ ๑๗ ได้รับแต่งตั้งจากพวกจำเลยให้ทำหน้าที่ผู้ช่วยบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พยากรณ์สาร อันเป็นกิจการของสมาคม และจำเลยได้สั่งจำเลยที่ ๗ บรรณาธิการหนังสือ “พยากรณสาร” พิมพ์รายชื่อจำเลยทั้งหมดลงในหนังสือพิมพ์ “พยากรณสาร” ว่าเป็นคณะกรรมการประจำ พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นการไม่ชอบ และจำเลยได้นำรายชื่อจำเลยไปจดทะเบียนเปลี่ยนตัวกรรมการต่อเจ้าพนักงานแผนกทะเบียนสมาคมกองตำรวจสันติบาลกรมตำรวจ โดยมิชอบ ขอให้ห้ามจำเลยที่ ๑-๑๕ เข้าเกี่ยวข้องในสำนักงานของสมาคม และดำเนินกิจการใด ๆ ของสมาคมในฐานะกรรมการสมาคมและห้ามจำเลยที่ ๑๖ และ ๑๗ เข้าเกี่ยวข้องในสำนักงานสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในฐานะสมาชิกสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ให้จำเลยส่งมอบกิจการ ทรัพย์สิน เอกสาร สมุดหนังสือของสมาคมแก่โจทก์ในฐานะคณะกรรมการรักษาการสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ให้จำเลยที่ ๗ ในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “พยากรณสาร” ของสมาคมโหรแห่งประเทศไทยประจำ พ.ศ. ๒๕๑๓ งดเว้นตีพิมพ์รายชื่อจำเลยในฐานะกรรมการสมาคมโหรแห่งประเทศไทยประจำ พ.ศ. ๒๕๑๓ และงดเว้นตีพิมพ์รายชื่อจำเลยที่ ๑๗ ในฐานะผู้ช่วยบรรณาธิการ ให้เพิกถอนทะเบียนสมาคม (ส.ค.๒) เลขลำดับ จ.๓๓๗ ของแผนกทะเบียนสมาคมกองตำรวจสันติบาล กรมตำรวจลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๑๓ หรือให้ยื่นคำขอถอนคำขอจดทะเบียนดังกล่าวถ้าจำเลยไม่จัดการ ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยทั้งหมดให้การ และจำเลยที่ ๑ ฟ้องแย้งด้วยว่าจำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ ๑ ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมในปี พ.ศ. ๒๕๑๑-๒๕๑๓ โจทก์ที่ ๑ เป็นนายกสมาคมต่อจากจำเลยที่ ๑ เพียงบางส่วนของระยะเวลาในปี พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๑๓ แต่โจทก์ที่ ๑ มิได้ไปจดทะเบียนต่อแผนกสมาคม กรมตำรวจ ให้ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๘๔ ความเป็นนายกของโจทก์ที่ ๑ และความเป็นกรรมการหรือกรรมการเจ้าหน้าที่อื่นของโจทก์ที่ ๒-๑๓ จึงไม่สมบูรณ์ การประชุมประจำปีเพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการใหม่ (ครั้งที่เกิดเหตุคดีนี้) เป็นไปโดยชอบ จำเลยที่ ๑ ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม จำเลยที่ ๓ และ ๔ ได้รับตำแหน่งเลขาธิการและผู้ช่วยเลขาธิการ จำเลยนอกนั้นได้รับเลือกเป็นกรรมการโดยชอบด้วยกฎหมายและได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการสมาคมแล้วจึงสมบูรณ์ จำเลยที่ ๗ ในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “พยากรณสาร” พิมพ์รายชื่อของจำเลยทั้งหมดในหนังสือพิมพ์นั้นโดยชอบตามคำสั่งของจำเลยที่ ๑ โจทก์ที่ ๙ ได้ลาออกจากกรรมการและสมาชิกของสมาคมแล้วจึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ ๑ ได้ขอให้โจทก์ที่ ๑, ๒, ๓ และ ๔ ส่งมอบกิจการและเอกสารรวมทั้งอำนาจเกี่ยวกับการเงินในธนาคาร และกิจการของสมาคมแก่จำเลยที่ ๑ และคณะ โจทก์ที่ ๒ ในนามของโจทก์ที่ ๑ และตนเองได้ตอบปฏิเสธ ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ที่ ๑, ๒, ๓ และ ๔ ส่งมอบกิจการเอกสาร และอำนาจทางการเงินของสมาคมโหรแห่งประเทศไทยให้จำเลยที่ ๑ ห้ามมิให้เกี่ยวข้องในหน้าที่กรรมการต่อไป
โจทก์ที่ ๑-๔ ให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑ ว่า จำเลยที่ ๑ มิได้เป็นกรรมการของสมาคมโดยได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกโดยชอบด้วยข้อบังคับและกฎหมาย การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการจึงไม่ชอบด้วยข้อบังคับของสมาคม การที่โจทก์มิได้จดทะเบียนไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าความเป็นกรรมการไม่สมบูรณ์ การที่จำเลยสมคบกันวางแผนโค่นล้มการประชุมใหญ่ และขับไล่โจทก์ที่ ๑ ในฐานะประธานของที่ประชุมใหญ่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ทุกคนเป็นกรรมการโดยชอบจึงมีอำนาจฟ้องโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนมติของสมาคม โจทก์ที่ ๙ ไม่ได้ลาออกจากกรรมการและสมาชิกของสมาคมขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑-๑๕ เป็นกรรมการสมาคมโดยชอบและจำเลยที่ ๑๖, ๑๗ มีสิทธิที่จะปฏิบัติงานธุรการของสมาคมได้ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ให้โจทก์ที่ ๑-๔ ส่งมอบกิจการและเอกสารรวมทั้งอำนาจทางการเงินของสมาคมให้แก่จำเลยที่ ๑ กับห้ามมิให้เกี่ยวข้องในหน้าที่กรรมการตามฟ้องแย้ง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า สมาคมโหรแห่งประเทศไทยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลสมาคมนี้ได้เลือกตั้งกรรมการในเดือนมีนาคมทุกปีตลอดมาและได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ จำเลยที่ ๑ ได้รับเลือกเป็นกรรมการและเป็นนายกสมาคมและได้ลาออกไปก่อนครบกำหนดวาระ เนื่องจากจำเลยที่ ๑ มีความเห็นขัดแย้งกับมติที่ประชุมวิสามัญครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๒ ที่มีมติให้สมาชิกเลือกตั้งกรรมการสมาคมส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ โดยไม่ต้องเลือกตั้งกรรมการสมาคมในที่ประชุมใหญ่ เป็นการขัดกับข้อบังคับของสมาคม โจทก์ได้รับเลือกเป็นกรรมการสมาคม และโจทก์ที่ ๑ ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมสืบแทนจำเลยที่ ๑ และอยู่ในตำแหน่งตามวาระจนถึงเดือนมีนาคม ๒๕๑๓ ในระหว่างที่โจทก์ทำหน้าที่กรรมการสมาคมมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการสมาคมตามกฎหมายและได้มีมติให้จำเลยที่ ๑๖ และ ๑๗ ขาดจากสมาชิกภาพ โจทก์ได้ดำเนินการเลือกกรรมการสมาคมประจำปี พ.ศ. ๒๕๑๓ โดยให้สมาชิกส่งบัตรเลือกตั้งมา จำเลยที่ ๓ ในฐานะเลขาธิการของสมาคมได้มีหนังสือนัดประชุมใหญ่พร้อมกับส่งระเบียบวาระการประชุมที่มีเรื่องตั้งอนุกรรมการตรวจนับคะแนนเลือกตั้งไปด้วย ในวันประชุมใหญ่มีสมาชิกมาประชุมประมาณ ๙๐ คน ครบองค์ประชุม โจทก์ที่ ๑ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เมื่อถึงระเบียบวาระดังกล่าว สมาชิกต่างคัดค้านว่าเป็นการผิดข้อบังคับของสมาคม และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งแผนกสมาคม กรมตำรวจมาชี้แจงว่า โจทก์มิได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ และปรากฏตามหลักฐานทางทะเบียนว่าได้จดทะเบียนกรรมการไว้ถึง พ.ศ. ๒๔๙๕ เท่านั้นสมาชิกจึงคัดค้านการเป็นกรรมการของโจทก์และเชิญพลเรือโทหลวงสุนาวินวิวัฒน์เป็นประธานในที่ประชุมเพื่อดำเนินการประชุมใหญ่เลือกกรรมการสมาคมต่อไปโจทก์ที่ ๑ สั่งปิดประชุม แล้วออกจากที่ประชุม ผลของการประชุมใหญ่ปรากฏว่าจำเลยทุกคนได้รับเลือกเป็นกรรมการสมาคม เว้นแต่จำเลยที่ ๑๖ และ ๑๗ ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติให้คืนสภาพเป็นสมาชิกสมาคมดังเดิม และจำเลยที่ ๑ ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม สมาคมได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โจทก์ที่ ๑-๔ ไม่ยอมส่งมอบเอกสารหลักฐานการเงินของสมาคมให้จำเลยที่ ๑ โจทก์ที่ ๙ ได้ลาออกจากสมาชิกสมาคมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ ขณะที่จำเลยที่ ๑ เป็นนายกสมาคม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ยังเป็นกรรมการสมาคมโหรแห่งประเทศไทยโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๘๔ บังคับสมาคมให้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ และพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๕๒ ก็ให้ลงโทษสมาคมมิใช่กรรมการโจทก์และไม่มีบทบัญญัติใดให้ถือว่ากรรมการโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่าตามบทมาตราแห่งประมวลกฎหมายและพระราชบัญญัติดังกล่าวมุ่งประสงค์จะให้แผนกทะเบียนกรมตำรวจ ได้ควบคุมสมาคมให้ปฏิบัติการโดยชอบด้วยกฎหมายและเพื่อที่บุคคลภายนอกจะทราบตัวบุคคลผู้บริหารกิจการสมาคมได้จากหลักฐานทางทะเบียน เพราะเหตุที่สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคลต่างหากจากบุคคลทั้งหลายที่รวมเข้ากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๘๒ วรรคแรก เมื่อสมาคมละเลย กฎหมายจึงลงโทษสมาคม แม้จะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้กรรมการโจทก์ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นกรรมการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ก็ตามหากแต่เป็นผลโดยตรงที่เกิดจากการละเลยไม่จดทะเบียนกรรมการ โจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ต้องถือว่ากรรมการที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วยังเป็นกรรมการโดยชอบด้วยกฎหมายตลอดมา ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน