คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตำรวจเข้าจับกุมจำเลย จำเลยชักปืนออกจากเอวแล้วกระชากลูกเลื่อน เพื่อให้กระสุนเข้าลำกล้อง ก็ถูกตำรวจเข้าขัดขวางและแย่งปืนไปได้ ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะกระสุนเป็นยังไม่เข้าลำกล้อง จำเลยมิได้จ้องปืนเล็งไปทางตำรวจ นิ้วจำเลยยังมิได้แตะอยู่ที่ไกปืน แสดงว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะยิง จึงยังไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง กล่าวคือร้อยตำรวจโทวิเชียร ภักดีคง กับพวกเจ้าพนักงานอีกหลายคนได้ร่วมกันจับกุมจำเลยในข้อหาฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่น อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำเลยไม่ยอมให้จับ ได้ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมโดยใช้กำลังชกต่อยเตะถีบและใช้ปืนกับวัตถุระเบิดทำร้ายร่างกายพยายามฆ่าเจ้าพนักงานจนได้รับอันตรายแก่กายทุกคน และจำเลยบังอาจมีอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของบุคคลอื่น ๑ กระบอก พร้อมกระสุน ๙ นัด กับมีลูกระเบิดมือแบบ ๘๘ จำนวน ๑ ลูก อันเป็นลูกระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต กับมีสุรากลั่น ๑ ขวด ไว้ในครอบครองโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสุราที่ทำขึ้นโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๒๙๖, ๒๘๙, ๘๐ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๕๕, ๗๒ ,๗๘ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๓ มาตรา ๘ และฉบับที่ ๔ มาตรา ๓ พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๓๒ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๒ มาตรา ๖ ริบของกลาง นอกจากอาวุธปืนและนับโทษต่อจากคดีอื่นด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาฐานมีลูกระเบิด อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสุรากลั่นไว้ในครอบครอง ข้อหาอื่นปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นจำเลยในคดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้นจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ และพระราชบัญญัติสุรา ให้ลงโทษฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘ วรรค ๒ จำคุก ๑ ปี ฐานมีอาวุธปืนจำคุก ๖ เดือน มีลูกระเบิดจำคุก ๔ ปี และฐานมีสุรากลั่นปรับ ๑๐๐ บาท จำเลยรับสารภาพ ฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน มีลูกระเบิดและสุรากลั่น จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง รวมทุกฐานความผิดแล้วคงลงโทษจำคุกจำเลย ๓ ปี ๓ เดือน และปรับ ๕๐ บาท ของกลางนอกจากอาวุธให้ริบ และนับโทษต่อจากคดีอื่นให้ตามขอ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานอีกด้วย จำเลยอุทธรณ์ว่า ข้อเท็จจริงทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจิรงที่กล่าวในฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ขณะที่สิบตำรวจตรีประเสริฐพยานโจทก์เข้าจับกุม จำเลยได้ชักอาวุธปืนสั้นออกจากเอวแล้วกระชากลูกเลื่อนเพื่อให้กระสุนเข้าลำกล้อง แต่สิบตำรวจตรีประเสริฐวิ่งเข้าขัดขวางมิให้จำเลยกระชากลูกเลื่อนปืนได้ และแย่งปืนจากจำเลยมาได้ในที่สุด วินิจฉัยว่าการการที่จำเลยชักปืนออกจากเอวแล้วกระชากลูกเลื่อนเพื่อให้กระสุนเข้าลำกล้อง ก็ถูกตำรวจขัดขวางป้องกันมิให้จำเลยกระชากลูกเลื่อนปืนได้ และแย่งปืนไปจากจำเลยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะขณะนั้นกระสุนปืนยังไม่เข้าลำกล้อง จำเลยมิได้จ้องปืนเล็งไปทางเจ้าพนักงาน นิ้วมือจำเลยยังมิได้แตะอยู่ที่ไกปืน แสดงว่าจำเลยไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะยิง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่า ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share