คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีทุนทรัพย์ 3,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง กับที่พิพาทบางส่วนเป็นการแก้ไขมาก จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ย่อยาว

สำนวนแรก โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ไม้ตีปิดกั้นประตูหลังบ้านโจทก์ โดยเจตนาไม่ให้โจทก์ใช้สิทธิครอบครองที่ดินด้านหลัง เพื่อจำเลยจะได้ยึดถือเอาที่ดินด้านหลังเป็นของจำเลย มีเนื้อที่ประมาณ ๕ ตารางวา ราคา๓,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทต่อไป
สำนวนหลัง โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ ต่อมาจำเลยอ้างว่าที่ดินที่ปลูกครัวนั้นเป็นของจำเลย โจทก์จึงบอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนออกไป จำเลยไม่ยอมรื้อ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การทำนองเดียวกันว่า ที่ดินตามที่โจทก์ฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้ง ๒ สำนวน
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทระหว่างต้นมะพร้าวกับฝาห้องแถวด้านหลังของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยทั้งสองสำนวนและโจทก์ในสำนวนหลังฎีกา
ในปัญหาที่ว่าสำนวนแรกต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ เป็นผลให้โจทก์ไม่มีสิทธิในที่พิพาทเลย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทบางส่วน เป็นผลให้โจทก์ได้ที่พิพาทมาบางส่วน จำเลยเสียสิทธิในที่พิพาทไปบางส่วน ดังนี้ เป็นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมาก จำเลยมีสิทธิฎีกาได้
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่โจทก์ทั้งสองซื้อมารวมทั้งที่ที่ชายคายื่นออกไปด้วย เมื่อวัดรวมกันดังนี้ ที่พิพาทไม่รวมอยู่ในเขตที่ดินของนายอ่องโจทก์ ส่วนที่ดินของนายสุทัศน์โจทก์นั้น มีที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินประมาณ ๑ วา ๑ ศอก เฉพาะที่ส่วนนี้นายสุทัศน์โจทก์มีสิทธิห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้อง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่าให้ยกฟ้องนายอ่อง ชิวขุนทด โจทก์ในสำนวนแรกและห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาท อันเป็นส่วนของนายสุทัศน์ ลิ้มพงศานุรักษ์ โจทก์ในสำนวนหลัง ตั้งแต่หลังห้องแถวของโจทก์มาทางทิศตะวันออก ๑ วา ๑ ศอก

Share