คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาที่ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองแม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นก็ตาม
จำเลยนำรถยนต์ ใบทะเบียน และคำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ไปประกันเงินกู้ไว้กับโจทก์ ต่อมาจำเลยขอรับรถยนต์คืนเพื่อนำไปให้ผู้ซื้อดูโดยโจทก์ยอมรับเช็คเป็นหลักประกันแทนรถยนต์ และยอมให้จำเลยมีสิทธิขายรถยนต์นั้นได้และมีข้อตกลงว่าถ้าผู้ซื้อไม่ตกลงซื้อให้จำเลยนำรถยนต์คืนโจทก์ ถ้าผู้ซื้อตกลงซื้อให้แจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อโจทก์จะได้นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารดังนี้ การที่จำเลยไปแจ้งความว่าใบทะเบียนรถยนต์หาย และเจ้าพนักงานตำรวจได้จดไว้ในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันซึ่งจำเลยอาจถือเป็นหลักฐานไปขอใบแทนทะเบียนรถยนต์เพื่อใช้โอนให้บุคคลอื่นได้ก็ตาม โจทก์ก็หาได้รับความเสียหายจากการนั้นไม่เพราะเมื่อจำเลยขายหรือโอนรถยนต์ให้คนอื่นไปโจทก์ย่อมมีสิทธินำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารตามที่ตกลงกัน หรือบังคับการชำระเงินตามเช็คนั้นได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ผู้กระทำการตามหน้าที่ว่าจำเลยทำใบทะเบียนรถยนต์ตกหายเจ้าพนักงานได้จดข้อความที่จำเลยแจ้งลงในสมุดรายงานเบ็ดเสร็จประจำวัน ซึ่งเป็นเอกสารราชการ มีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานของทางราชการ ความจริงจำเลยมิได้ทำตกหายแต่ได้นำเอาใบทะเบียนรถยนต์พร้อมด้วยใบแจ้งความเรื่องการโอนและขอรับโอนไปมอบไว้กับโจทก์เพื่อค้ำประกันเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์โดยมีข้อตกลงว่า ถ้าจำเลยไม่ชำระเงินยืม โจทก์มีสิทธิกรอกข้อความขอรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์มาเป็นของโจทก์ได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๗ และ ๒๖๘
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๗ จำคุก ๕ เดือน คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่นั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างได้แม้ว่าจะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นก็ตาม (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๕ วรรค ๒) ทั้งจำเลยก็อุทธรณ์ด้วยว่า หากโจทก์ได้รับความเสียหายจริงความเสียหายขอโจทก์ก็ไม่ใช่เกิดจากการกระทำของจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยจึงหาเป็นการนอกประเด็นและต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาไม่ แล้วฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้นำรถยนต์ ใบทะเบียนรถยนต์ คำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ไปประกันเงินกู้ไว้กับโจทก์ต่อมาจำเลยขอรับรถยนต์คืนเพื่อนำไปให้ผู้ซื้อดู โดยโจทก์ยอมรับเช็คเป็นหลักประกันแทนรถยนต์และมีข้อตกลงว่าถ้าผู้ซื้อไม่ซื้อให้จำเลยนำรถยนต์คืนให้โจทก์ ถ้าผู้ซื้อตกลงซื้อให้แจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อโจทก์จะได้นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารแล้วจำเลยไปแจ้งความว่าทำใบทะเบียนรถตกหาย เจ้าพนักงานได้จดไว้ในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันแล้ววินิจฉัยว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการที่โจทก์ยอมให้จำเลยมีสิทธิขายรถยนต์นั้นได้ การที่จำเลยไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าใบทะเบียนรถยนต์หาย และเจ้าพนักงานตำรวจได้จดไว้ในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันนั้นแม้จำเลยอาจถือเอาหลักฐานการแจ้งความไปขอใบแทนทะเบียนรถยนต์ แล้วเอาใบแทนที่ออกให้ใหม่ไปใช้โอนรถยนต์ให้คนอื่นได้ โจทก์ก็หาได้รับความเสียหายจากการนั้นไม่เพราะเมื่อจำเลยขายหรือโอนรถยนต์ให้คนอื่นไปโจทก์ย่อมมีสิทธินำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารตามที่ตกลงกันหรือบังคับการชำระเงินตามเช็คนั้นได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
พิพากษายืน

Share