คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยรับว่าในคืนเกิดเหตุจำเลยใช้เครื่องจักรทำโต๊ะจักรแล้วไฟฟ้าเดินลัดวงจรเป็นเหตุให้ไฟไหม้โรงงานของจำเลยแล้วลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์ โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบอีกว่าเหตุที่ไฟไหม้โรงงานของจำเลยเนื่องมาจากจำเลยใช้เครื่องจักรทำโต๊ะจักรในคืนนั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า โรงงานของจำเลยใช้เครื่องจักรที่เดินด้วยกำลังไฟฟ้า และไฟไหม้เนื่องจากไฟฟ้าเดินลัดวงจรขณะที่ใช้เครื่องจักรพ่นสีโต๊ะจักรอยู่ ดังนี้ ไฟฟ้าซึ่งใช้เดินเครื่องจักรเป็นทรัพย์อันเกิดอันตรายได้โดยสภาพซึ่งจำเลยผู้มีไว้ในความครอบครองจะต้องรับผิดชอบเพื่อความเสียหายอันเกิดขึ้นแก่ทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 เมื่อจำเลยไม่ได้นำสืบว่าการที่ไฟฟ้าลัดวงจรเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของโจทก์ผู้ต้องเสียหายแต่อย่างไร จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและลูกจ้างของจำเลยได้กระทำการโดยประมาทโดยเดินเครื่องจักรเกินกำลังของเครื่องจักร และเก็บเชื้อเพลิงในสถานที่อันไม่ปลอดภัย และไม่ได้รับอนุญาต สภาพสายไฟฟ้าไม่ได้ขนาดด้วยความประมาทดังกล่าวของจำเลย เป็นเหตุให้มอเตอร์ที่ใช้ประกอบการเกิดระเบิด ไฟไหม้โรงงานของจำเลยแล้วลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์เสียหายรวมเป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ไม่ได้ประมาท การที่เกิดไฟไหม้ไม่ได้เกิดจากมอเตอร์ระเบิด แต่เกิดจากกระแสไฟลัดวงจร อันเป็นเหตุสุดวิสัยขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เหตุที่เกิดไฟไหม้โรงงานของจำเลยเกิดจากกระแสไฟฟ้าเดินลัดวงจร โรงงานของจำเลยใช้เครื่องจักรซึ่งเดินด้วยกำลังกระแสไฟฟ้า อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพหรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้ จำเลยจะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเพราะความผิดของโจทก์ แต่จำเลยนำสืบไม่ได้ว่าความเสียหายของโจทก์เกิดแต่เหตุสุดวิสัย พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๗๔,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยใช้เครื่องจักรทำงาน กรณีจึงไม่เข้าข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๗ จำเลยนำสืบได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราโรงงานของจำเลยเสมอ การที่กระแสไฟฟ้าลัดวงจรแล้วทำให้เกิดไฟไหม้ เป็นเรื่องที่จำเลยคาดหมายไม่ถึง อันเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยรับแล้วว่าคืนเกิดเหตุจำเลยใช้เครื่องจักรทำโต๊ะจักร แล้วไฟฟ้าเดินลัดวงจร เป็นเหตุให้ไฟไหม้โรงงานของจำเลยแล้วลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องนำสืบอีกว่าเหตุที่ไฟไหม้โรงงานของจำเลย เนื่องมาจากจำเลยใช้เครื่องจักรทำโต๊ะจักรในคืนนั้นเมื่อโรงงานของจำเลยใช้เครื่องจักรที่เดินด้วยกำลังไฟฟ้า และไฟไหม้เนื่องจากไฟฟ้าเดินลัดวงจรขณะที่ใช้เครื่องจักรพ่นสีโต๊ะจักรอยู่ ไฟฟ้าซึ่งใช้เดินเครื่องจักรเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ ซึ่งจำเลยผู้มีไว้ในความครอบครองจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดขึ้นแต่ทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๗แต่จำเลยมิได้นำสืบว่าการที่ไฟฟ้าลัดวงจรเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของโจทก์ผู้ต้องเสียหายแต่อย่างไร จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยในประเด็นอื่น แล้วพิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share