คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3234/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินมาจากนาง น. ปลูกบ้าน เมื่อนาง น.ถึงแก่กรรมที่ดินส่วนที่จำเลยเช่าตกได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทโจทก์ผู้รับมรดกที่ดินดังกล่าวย่อมรับมาทั้งสิทธิและหน้าที่เมื่อไม่มีสัญญาต่างตอบแทนในระหว่างจำเลยและนาง น.ผู้ให้เช่าเดิมและเป็นการเช่าไม่มีกำหนดเวลา เช่นนี้ เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไป และได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๖๙๗๘ซึ่งแยกมาจากโฉนดที่ ๙๙๐ เดิม จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่าที่ดินบางส่วนของที่ดินโฉนดที่ ๖๙๗๘ จำนวน ๑๘ ตารางวา มีกำหนด ๓ ปีจากนางน้อมมารดาโจทก์แล้วปลูกบ้านขึ้น ต่อมานางน้อมถึงแก่กรรมจำเลยได้ตกลงเช่าที่ดินดังกล่าวจากโจทก์โดยมิได้ทำสัญญาเช่า แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าประกอบกับโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไปจึงได้บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าที่ดินจากนางน้อม จำเลยกับโจทก์จึงไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน ผู้มอบอำนาจมิได้ทำใบมอบอำนาจท้ายฟ้องโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง นางน้อมผู้ให้เช่าได้ให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่ามีกำหนด ๑๕ ปี โดยจะต่ออายุสัญญาให้ครั้งละ ๓ ปี โดยจำเลยได้ให้เงินนางน้อมเป็นการตอบแทน การเช่ารายนี้จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าที่ดินให้มีกำหนด ๑๕ ปี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องและไม่มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างจำเลยกับนางน้อม โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว พิพากษาให้จำเลยรื้อบ้านและส่งที่ดินคืนให้โจทก์ และใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นไม่รับ อ้างว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องแล้วพิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะเรื่องอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาข้อ ๒ ว่า จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินโฉนดที่ ๖๙๗๘ จากนางน้อม หวังโพธิ์ ในขณะนั้นโจทก์ยังไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวจึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยและไม่มีอำนาจฟ้อง แม้ที่ดินโฉนดที่ ๖๙๗๘ จะตกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย (น่าจะเป็นโจทก์) ในภายหลัง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์ถูกต้องขึ้นมาได้นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเดิมนางน้อม นางเทศและนางวันเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๙๙๐ ร่วมกัน จำเลยได้เช่าที่ดินจากนางน้อมปลูกบ้านเลขที่ ๑๙๘/๗ ขึ้น เมื่อนางน้อม นางเทศ และนางวันตายแล้วที่ดินโฉนดที่ ๙๙๐ ตกได้แก่ทายาทหลายคนซึ่งรวมทั้งโจทก์ด้วย โจทก์ได้ที่ดินส่วนที่จำเลยเช่าจากนางน้อมและเมื่อแยกโฉนดแล้วได้โฉนดใหม่เป็นโฉนดเลขที่ ๖๙๗๘ จึงเห็นว่าโจทก์ผู้รับมรดกที่ดินดังกล่าว ย่อมรับมาทั้งสิทธิและหน้าที่จึงมีนิติสัมพันธ์กับจำเลย ทั้งยังได้ความว่าไม่มีสัญญาต่างตอบแทนในระหว่างจำเลยและนางน้อมผู้ให้เช่าเดิมและเป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลาเช่นนี้ เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อไปและได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่ดินของโจทก์ให้รื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินโจทก์ได้
พิพากษายืน

Share