คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายรับจ้างทำการขนส่งให้จำเลยแล้วไม่ชำระค่าขนส่งที่ตกลงไว้ว่าจะชำระให้นั้น จำเลยได้รับผลเพียงการขนส่งจากผู้เสียหาย ไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่ารถยนต์บรรทุกนักร้องนักดนตรีของจำเลย เครื่องยนต์เกิดขัดข้องต้องให้ช่างแก้ไข จึงว่าจ้างผู้เสียหายให้นำรถยนต์ขนนักร้องนักดนตรีไปส่งที่จังหวัดพระนคร จะให้ค่าขนส่ง ๑,๐๐๐ บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้ให้คนขับรถยนต์บรรทุกจำเลยกับนักร้องนักดนตรีไปส่งที่จังหวัดพระนครโดยเรียบร้อย แล้วจำเลยหลบหนีไปโดยการหลอกลวงดังกล่าว จำเลยได้ไปซึ่งค่าขนส่ง ๑,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์ทุกประการ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าค่าจ้างขนส่งที่จำเลยตกลงกับผู้เสียหายยังถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์สินของผู้เสียหาย แม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องโจทก์ที่ว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหายว่ามีรถยนต์ขนส่งนักร้องนักดนตรีและเครื่องยนต์ขัดข้องต้องให้ช่างแก้ไขจึงว่าจ้างรถยนต์ของผู้เสียหายไปส่ง เมื่อส่งเรียบร้อยแล้วจำเลยจะให้ค่าขนส่งแก่ผู้เสียหาย ๑,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อความจริงดังกล่าว ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงจัดการรับจ้างขนส่งให้จำเลยนั้น เห็นว่า แม้จะฟังได้ตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าว การที่จำเลยกล่าวหลอกลวงหรือปกปิดความจริงก็เพื่อให้ผู้เสียหายรับจ้างทำการขนส่งให้จำเลยเท่านั้น จำเลยได้รับผลเพียงการขนส่งจากผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย ตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ส่วนเงินค่าขนส่ง ๑,๐๐๐ บาท ที่จำเลยไม่ได้ชำระให้ผู้เสียหายนั้น เป็นทรัพย์สินที่ผู้เสียหายจะเรียกร้องเอาจากจำเลยภายหลังเมื่อขนส่งให้จำเลยถึงที่ที่ตกลงกันแล้ว กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งไม่เป็นความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกงดังที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน

Share